จาก LVMH ถึง Prada : แนวทางการซื้อหุ้นแบรนด์หรู
สินค้าแบรนด์เนมมักถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรา ความสำเร็จ และสถานะในสังคม ไม่เพียงแต่ผู้บริโภคที่หลงใหลในสินค้าเหล่านี้ นักลงทุนเองก็ให้ความสนใจในการลงทุนในหุ้นที่ผลิตสินค้าแบรนด์เนม เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้แสดงถึงศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก บทความนี้จะพาไปเจาะลึกถึงบริษัทที่เป็นเจ้าของสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำ พร้อมทั้งแนะนำแนวทางการเลือกหุ้นในอุตสาหกรรมนี้
เหตุผลที่นักลงทุนสนใจหุ้นสินค้าแบรนด์เนม
1. ความต้องการที่ยั่งยืน
สินค้าแบรนด์เนมเป็นมากกว่าสินค้าฟุ่มเฟือย แต่เป็น “เครื่องแสดงสถานะทางสังคม” ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงมักให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และคุณค่าของแบรนด์ ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ความต้องการสินค้ากลุ่มนี้ยังคงมีอยู่ และมักจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในกลุ่มลูกค้าระดับบน
2. การเติบโตในตลาดเกิดใหม่
ตลาดเกิดใหม่ เช่น จีน อินเดีย และตะวันออกกลาง เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของอุตสาหกรรมสินค้าแบรนด์เนม เนื่องจากชนชั้นกลางรวมถึงเศรษฐีในประเทศเหล่านี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ความต้องการสินค้าแบรนด์หรูขยายตัว
3. ความสามารถในการตั้งราคาสูง
หุ้นในกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมมักมีอำนาจในการตั้งราคาสูง (Pricing Power) เนื่องจากลูกค้าไม่ได้ตัดสินใจซื้อสินค้าหรูหราโดยดูจากราคาเป็นหลัก แต่คำนึงถึงคุณค่าและภาพลักษณ์ของแบรนด์ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมบริษัทเหล่านี้จึงสามารถขึ้นราคาสินค้าได้ทุกปีโดยไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขาย
4. การป้องกันความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ
ในช่วงที่เงินเฟ้อสูง ราคาสินค้าทั่วไปอาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น แต่สินค้าแบรนด์เนมสามารถปรับราคาขึ้นได้โดยไม่กระทบกับอุปสงค์มากนัก ส่งผลให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถรักษาอัตรากำไรได้อย่างแข็งแกร่ง
หุ้นที่น่าจับตามองในอุตสาหกรรมสินค้าแบรนด์เนม
ถ้าคุณต้องการลงทุนในหุ้นที่ผลิตสินค้าแบรนด์เนมระดับโลก แน่นอนว่ามีหุ้นหลายตัวที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมนี้ โดยแต่ละบริษัทมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน โดยเราจะพาไปทำความรู้จักกับบริษัทหลัก ๆ ที่น่าสนใจ และเหตุผลว่าทำไมหุ้นเหล่านี้จึงได้รับการจับตามองจากนักลงทุนทั่วโลก
1. LVMH (Louis Vuitton Moët Hennessy) [EPA: MC] – จักรพรรดิแห่งสินค้าหรูหรา
LVMH ถือเป็นหุ้นบริษัทสินค้าแบรนด์เนมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นเจ้าของแบรนด์ดังมากมายที่ครอบคลุมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์หรูหรา ตั้งแต่แฟชั่นไปจนถึงไวน์และสุรา
- พอร์ตโฟลิโอแบรนด์ที่หลากหลาย : LVMH คือหุ้นที่เป็นบริษัทแม่ของแบรนด์หรูมากมาย เช่น Louis Vuitton, Dior, Fendi, Givenchy, Bulgari และ TAG Heuer รวมถึง Dom Pérignon และ Moët & Chandon ในกลุ่มไวน์และแชมเปญ
- การเติบโตในตลาดจีน : LVMH มีฐานลูกค้าจำนวนมากในตลาดเอเชีย โดยเฉพาะประเทศจีนซึ่งมีผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มีกำลังซื้อสูงและให้ความสำคัญกับสินค้าแบรนด์เนม
- การบริหารที่แข็งแกร่ง : Bernard Arnault CEO ของ LVMH เป็นหนึ่งในนักธุรกิจที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก และสามารถขับเคลื่อนการเติบโตของบริษัทอย่างต่อเนื่อง
2. Hermès International [EPA: RMS] – อาณาจักรแห่งความเอกซ์คลูซีฟ
Hermès เป็นบริษัทที่ขึ้นชื่อในเรื่องการรักษาความหายากของสินค้า ทำให้แบรนด์สามารถคงมูลค่าได้สูงแม้ผ่านไปหลายสิบปี
- กระเป๋า Birkin และ Kelly เป็นสินทรัพย์การลงทุน : กระเป๋าของ Hermès โดยเฉพาะรุ่น Birkin และ Kelly มีมูลค่าที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และถือเป็นหนึ่งในสินค้าแบรนด์เนมที่มีราคาขายต่อสูงที่สุดในโลก
- การผลิตที่จำกัด : แบรนด์เลือกใช้กลยุทธ์ “ผลิตน้อยเพื่อเพิ่มมูลค่า” ทำให้ความต้องการสินค้าสูงอยู่เสมอ
- กำไรขั้นต้นสูง : Hermès มีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) สูงที่สุดในอุตสาหกรรม เนื่องจากสามารถตั้งราคาสินค้าได้ตามที่ต้องการ
3. Kering [EPA: KER] – ผู้นำด้านแฟชั่นลักชัวรีที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
Kering คือบริษัทที่มีพอร์ตแบรนด์แฟชั่นระดับไฮเอนด์ เช่น Gucci, Balenciaga, Saint Laurent และ Bottega Veneta
- Gucci เป็นแบรนด์หลักที่ขับเคลื่อนการเติบโต : Gucci สร้างยอดขายส่วนใหญ่ของ Kering และยังคงเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในตลาดคนรุ่นใหม่
- การขยายตลาดผ่านกลยุทธ์ดิจิทัล : Kering ใช้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซและโซเชียลมีเดียในการทำตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ
4. Richemont [SIX: CFR] – อาณาจักรแห่งเครื่องประดับและนาฬิกาหรู
Richemont เป็นบริษัทระดับ ‘เพชรยอดมงกุฎ’ ในสินค้ากลุ่ม เครื่องประดับและนาฬิกา โดยถือครองแบรนด์ดัง เช่น Cartier, Van Cleef & Arpels, Piaget, IWC และ Jaeger-LeCoultre
- Cartier เป็นแบรนด์เครื่องประดับที่ขายดีที่สุดในโลก : เครื่องประดับของ Cartier ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในตลาดจีน
- นาฬิกาหรูยังคงเป็นสินค้าที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง : ตลาดนาฬิกาหรูมีแนวโน้มเติบโตดี เนื่องจากเป็นที่นิยมในกลุ่มนักสะสมและมหาเศรษฐี
5. Prada [HKG: 1913] – การเติบโตที่แข็งแกร่งในตลาดคนรุ่นใหม่
Prada คือแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในหมู่ Millennials และ Gen Z โดยเน้นกลยุทธ์ด้านดิจิทัลและการตลาดที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่
- Miu Miu เป็นแบรนด์ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว : แบรนด์ลูกของ Prada อย่าง Miu Miu กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นและอินฟลูเอนเซอร์
- การขยายตัวในเอเชีย : Prada มีการลงทุนในตลาดเอเชียมากขึ้น โดยเฉพาะในจีนและเกาหลีใต้
หุ้น Chanel อยู่ในเครือของบริษัทไหน สามารถลงทุนได้หรือไม่ ?
จากข้อมูลข้างต้น เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยที่ไม่มีการกล่าวถึงชื่อ Chanel ออกไป ทั้ง ๆ ที่เป็นหนึ่งในแบรนด์หรูที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เหตุก็คือ เราไม่สามารถลงทุนหุ้น Chanel ได้ เนื่องจาก Chanel เป็นบริษัทเอกชนที่ไม่ได้อยู่ในเครือของบริษัทมหาชนใด ๆ โดยแบรนด์นี้อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูล Wertheimer ซึ่งเป็นทายาทของ Pierre Wertheimer หุ้นส่วนทางธุรกิจของ Coco Chanel ในอดีต โดยแทนที่จะจดทะเบียนในตลาดหุ้น Chanel เลือกที่จะดำเนินธุรกิจในรูปแบบ Private Company เพื่อรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์และไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลทางการเงินต่อสาธารณะ
วิธีเลือกหุ้นในกลุ่มสินค้าแบรนด์เนม
หุ้นของบริษัทสินค้าแบรนด์เนมแต่ละตัวมีลักษณะที่แตกต่างกัน การเลือกลงทุนในหุ้นที่ผลิตสินค้าแบรนด์เนมจึงต้องใช้ปัจจัยหลายอย่างมาประกอบกัน ดังนี้
1. ศึกษาผลประกอบการและงบการเงิน
- ดู รายได้และอัตรากำไรสุทธิ ของบริษัท ว่ามีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องหรือไม่
- ตรวจสอบ ROE (Return on Equity) ว่าบริษัทใช้ทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพแค่ไหน
- พิจารณาการเติบโตของ EPS (Earnings Per Share) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของกำไรต่อหุ้น
2. วิเคราะห์ตลาดเป้าหมายและพฤติกรรมผู้บริโภค
- บริษัทที่มียอดขายสูงในตลาด จีน อินเดีย และตะวันออกกลาง มักมีศักยภาพในการเติบโตระยะยาว
- พฤติกรรมของผู้บริโภครุ่นใหม่ เช่น Millennials และ Gen Z มีอิทธิพลต่อยอดขายของแบรนด์
3. ประเมินความสามารถในการแข่งขันของแบรนด์
- แบรนด์ที่มี Pricing Power (อำนาจในการตั้งราคา) สูง มักสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรได้ดีกว่า
- ก่อนตัดสินใจลงทุนในหุ้นที่ผลิตสินค้าแบรนด์เนม ต้องไม่ลืมที่จะดูพอร์ตโฟลิโอของบริษัทว่ามีความแข็งแกร่งหรือไม่ เช่น LVMH ที่มีแบรนด์หรูหลายกลุ่มสินค้า
4. ดูนโยบายการคืนกำไรให้ผู้ถือหุ้น
- บริษัทที่มี Dividend Yield (อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล) ที่ดี เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะยาว
- ตรวจสอบว่าบริษัทมี แผนซื้อหุ้นคืน (Share Buyback) หรือไม่ ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าหุ้นให้สูงขึ้น
นอกจากการลงทุนในหุ้นที่ผลิตสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำ คุณยังสามารถเริ่มต้นการลงทุนในสินค้าแบรนด์เนมด้วยการซื้อ-ขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง โดยสำหรับใครที่มีกระเป๋าแบรนด์เนมของแท้ และอยากเปลี่ยนเป็นเงินสด ขอแนะนำ BRANDNAME VOYAGE ร้านฝากขายแบรนด์เนมมือสองของแท้ในไทย พร้อมจำหน่ายในราคาที่เป็นกลาง ประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในวงการแบรนด์เนมมาอย่างยาวนาน ติดต่อผ่านเว็บไซต์ หรือเข้ามาที่หน้าร้านทั้ง 2 สาขาหลักของเรา ได้แก่ เซ็นทรัลพระราม 9, ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และเชียงใหม่ (รับซื้ออย่างเดียว) หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
- LINE: @voyagepurchase
- Tel: 095-505-2229 (สำหรับผู้ที่สนใจฝากขายสินค้า)
ข้อมูลอ้างอิง
- 3 Luxury Brand Stocks Ready to Boost Your Portfolio in 2025. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 จาก https://www.nasdaq.com/articles/3-luxury-brand-stocks-ready-boost-your-portfolio-2025