Posted on

ที่สุดของกระเป๋าทรง Hobo 12 ใบ ที่สายแฟควรมีไว้ในครอบครอง

รวม 12 รุ่น Hobo Bag จากแบรนด์ดังที่ใช่สำหรับทุกลุค

กระเป๋าทรง Hobo (Hobo Bag) เป็นหนึ่งในไอเทมที่สะท้อนความเรียบโก้แบบ Effortless ได้ดีที่สุดในวงการแฟชั่น ด้วยทรงโค้งสุดละมุน ซึ่งออกแบบมาให้โอบรับกับช่วงไหล่ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นลุคเท่ ๆ ลุคทำงาน หรือแม้แต่ลุค Casual ในวันสบาย ๆ ก็สามารถหยิบกระเป๋าทรง Hobo มาแมตช์ได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ

นอกจากนี้ ด้วยความที่ Hobo Bag เป็นทรงกระเป๋าที่ใช้งานได้จริงทั้งในแง่ของความจุและความสะดวกในการพกพา จึงไม่น่าแปลกใจที่แบรนด์ระดับโลกต่างพากันปล่อยคอลเลกชันใหม่ ๆ ออกมาแทบทุกซีซัน และกลายเป็น Must-Have สำหรับสายแฟที่มองหาความคลาสสิกในดีไซน์ร่วมสมัย

วันนี้ เราจึงคัดสรร 12 กระเป๋าทรง Hobo จากหลากหลายแบรนด์ดังซึ่งกำลังเป็นที่พูดถึงในวงการแบรนด์เนมและตลาดรีเซล พร้อมแนะนำว่าแต่ละใบเหมาะกับไลฟ์สไตล์แบบไหน เพื่อให้การเลือกซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมครั้งต่อไปของคุณคุ้มค่าและตรงใจมากที่สุด !

1. Yves Saint Laurent Le 5 à 7 Hobo Bag

กระเป๋า Yves Saint Laurent Le 5 à 7
เรียบแต่โก้ในทุกมุมมอง กับกระเป๋า YSL รุ่น Le 5 à 7 หนึ่งในคอลเลกชัน Hobo Bag ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้อย่างชัดเจน โครงสร้างกระเป๋ามีความคมชัด วัสดุหนังลูกวัวสัมผัสนุ่ม เรียบเนียน เมื่อผสานกับโลโก้ YSL สีทองที่วางอยู่บนฝากระเป๋าแล้วยิ่งเสริมความโดดเด่น เหมาะสำหรับสาวออฟฟิศที่ต้องการลุคทำงานเรียบหรูดูแพงแบบไม่ต้องตะโกนเยอะ

2. Prada Re-Edition 2005 Re-Nylon bag

กระเป๋า Prada Re-Edition 2005 Re-Nylon bag
Prada Re-Nylon เป็นหนึ่งในรุ่นฮิตที่ปลุกกระแส Y2K ให้กลับมาอีกครั้ง จุดเด่นอยู่ที่วัสดุที่ใช้ผลิต นั่นก็คือ วัสดุไนลอนรีไซเคิลที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจความยั่งยืน มาพร้อมสายสะพายไนลอนแบบ Crossbody และดีเทล Mini Pouch ทำให้ดูมีอะไรมากขึ้น ให้ลุคสาวเท่ที่ต้องการความคล่องตัวและใช้งานได้จริงในทุก ๆ วัน

3. Louis Vuitton Loop Monogram

กระเป๋า Louis Vuitton Loop Monogram
กระเป๋าพระจันทร์เสี้ยวสุดฮอต ที่เชื่อว่าคงไม่มีแฟนหลุยส์คนไหนไม่เคยเห็น ! เพราะรุ่นนี้เป็นกระแสไวรัลมากบนโซเชียลมีเดีย โดดเด่นด้วยวัสดุ Monogram Canvas แบบคลาสสิกตามสไตล์หลุยส์ เข้าคู่กับสายสะพายหนังและซิปสีทองสุดหรู เป็นกระเป๋าทรง Hobo ขนาดกะทัดรัดที่สามารถใส่ของจำเป็นได้ครบ หยิบมาสะพายเมื่อไรก็ได้ทั้งลุคหวานและเท่ในคนเดียวกัน

4. Gucci Jackie 1961 Small Shoulder Bag

กระเป๋า Gucci Jackie 1961 Small Shoulder Bag
รุ่นไอคอนิกจาก Gucci ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ไม่เคยตกยุค โดย Jackie 1961 เวอร์ชันนี้มาในขนาดเล็ก พกพาง่าย จะไปไหนมาไหนก็คล่องตัว พร้อมหัวล็อก Piston แบบดั้งเดิม ให้กลิ่นอายวินเทจผสานความร่วมสมัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นอีกหนึ่งกระเป๋าทรง Hobo ที่สามารถใช้ได้ทั้งในวันทำงานและโอกาสพิเศษ

5. Bottega Veneta Sardine Hobo Bag

กระเป๋า Bottega Veneta Sardine Hobo Bag
ไฮไลต์สุดเด่นของ Sardine Hobo Bag จาก Bottega Veneta อยู่ที่หูจับโลหะรูปทรงคล้ายปลาซาร์ดีนสมชื่อรุ่น โดยดีไซน์สุดชิคนี้ได้รับการออกแบบระดับประติมากรรมที่รวมทั้งแฟชั่นและศิลปะไว้ในหนึ่งเดียว โครงสร้างนิ่ม ดูยืดหยุ่นตามธรรมชาติของหนังแท้ ทำให้ Sardine Hobo Bag กลายเป็นกระเป๋าทรง Hobo อีกหนึ่งรุ่นที่สายแฟทั่วโลกต่างก็อยากมีไว้ในครอบครอง

6. Celine Ava Bag in Triomphe Canvas and Calfskin

กระเป๋า Celine Ava Bag in Triomphe Canvas and Calfskin
ผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงเห็นสาว ๆ สะพายกันอยู่ทุกมุมเมือง กับ Celine Ava Bag กระเป๋าสไตล์มินิมอลที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์เหนือกาลเวลา ด้วยรูปทรงโค้งมนและโลโก้ Triomphe สุดคลาสสิกบนผืนผ้าแคนวาส เมื่อตัดกับขอบหนังลูกวัวแล้วยิ่งเสริมให้ลุคดูเรียบหรู สะอาดตา เหมาะสำหรับผู้หญิงที่หลงใหลในแฟชั่นแบบน้อยแต่มาก

ผู้หญิงสะพาย Hobo Bag ใบเล็ก ถือสะดวก พกพาง่าย

7. Dior Bobby Bag

กระเป๋าDior Bobby Bag
เมื่อพูดถึงกระเป๋าที่ให้ทั้งความอ่อนหวานและความมั่นใจในใบเดียว ก็ต้องไม่พลาด Dior Bobby Bag กระเป๋าทรง Hobo กึ่ง Structured ที่มาพร้อมฮาร์ดแวร์ CD อันเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ ไม่ว่าจะถือหรือสะพาย Crossbody ก็สามารถเสริมลุคเฟมินีนตามแบบฉบับฉายา “เจ้าหญิงดิออร์” ได้อย่างไร้ที่ติ

8. LOEWE Mini Hammock Hobo in Classic Calfskin

กระเป๋า LOEWE Mini Hammock Hobo in Classic CalfskinLOEWE รุ่นนี้เป็นการผสานระหว่างฟอร์มอเนกประสงค์และหนังลูกวัวสุดพรีเมียม ทำให้สามารถปรับรูปร่างได้หลากหลายตามการใช้งาน เป็นหนึ่งใน Hobo Bag ที่มีลูกเล่นที่น่าสนใจ ทว่ายังคงความเรียบหรูเอาไว้ในทุกองศา เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่หลงใหลในดีไซน์ร่วมสมัยและ Craftsmanship

9. Fendi Croissant Bag Small Hobo Shoulder Bag

กระเป๋า Fendi Croissant Bag Small Hobo Shoulder Bag
กระเป๋าทรงพระจันทร์เสี้ยวสุดนุ่มละมุนที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากขนมประเทศออสเตรียอย่าง “ครัวซองต์” โดย Fendi รุ่นนี้ได้รับการออกแบบให้มีลุคเฟมินีนแต่ยังแฝงไว้ด้วยความชิคแบบสาวมั่น มาพร้อมวัสดุหนังเรียบและสายสะพายโค้งรับกับช่วงไหล่ได้พอดี ไม่ว่าลุคไหนก็แมตช์ง่าย พร้อมเฉิดฉายทุกวัน

10. Balenciaga Le Cagole XS Shoulder Bag

กระเป๋า Balenciaga Le Cagole XS Shoulder Bag
สำหรับสายแฟที่ชอบสไตล์ Edgy รุ่น Le Cagole คือ Hobo Bag ที่ตอบโจทย์ที่สุด ! ด้วยดีเทลหมุดเงิน โซ่ตกแต่ง และกระจกห้อยข้าง ทุกอย่างล้วนส่งเสริมให้กระเป๋าใบนี้มีความเป็นเอกลักษณ์ สะท้อนความเท่ในแบบ Y2K ได้อย่างลงตัว ทั้งยังเป็นที่นิยมในหมู่ดาราและเซเลบริตีทั่วโลกอีกด้วย

11. CHANEL Mini 22 Handbag

กระเป๋า CHANEL Mini 22 Handbag
Who wanna rock with JENNIE? ใครอยากตามรอยสาว JENNIE ต้อง CHANEL Mini 22 กระเป๋าทรง Hobo ที่หรูหราแต่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน มาพร้อมสายสะพายโซ่และโลโก้ CHANEL สีทองสะดุดตา ทรงกระเป๋านิ่มแต่ไม่ย้วย จะจุของเยอะแค่ไหนก็ไม่หวั่น ถือว่าสมบูรณ์แบบทีเดียวสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการความคลาสสิกแต่ไม่จำเจ หยิบมาแมตช์ลุคไหนก็สวยเลิศ !

12. Polo ID Calfskin Mini Shoulder Bag

กระเป๋า Polo ID Calfskin Mini Shoulder Bag
แบรนด์อเมริกันสุดชิคที่ตีความ Hobo Bag ออกมาได้ดี มีความร่วมสมัย โดยรุ่น Polo ID นี้จะเป็นกระเป๋าขนาดเล็กที่ให้กลิ่นอาย Equestrian หน่อย ๆ ตามจุดขายของแบรนด์ มาพร้อมสายหนังนิ่มที่โค้งรับกับช่วงไหล่ได้อย่างพอดิบพอดี มีดีเทลโลหะสไตล์วินเทจด้านหน้า เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่มองหาความเรียบโก้แบบสบาย ๆ

กระเป๋าทรง Hobo ไม่เพียงแต่เป็นไอเทมแฟชั่นที่สะท้อนรสนิยม แต่ยังเป็นสินทรัพย์ที่สามารถแปรเปลี่ยนกลับมาเป็นมูลค่าได้ หากคุณมี Hobo Bag หรือแบรนด์เนมรุ่นอื่น ๆ เช่น YSL, Louis Vuitton, Gucci ฯลฯ ที่ไม่ได้ใช้งานอีกต่อไป อย่าปล่อยให้วางทิ้งไว้โดยไร้คุณค่า

BRANDNAME VOYAGE ให้บริการรับซื้อ YSL และแบรนด์เนมหรูชั้นนำอื่น ๆ ในราคายุติธรรม พร้อมประเมินรวดเร็วโดยทีมงานมืออาชีพ และรับประกันความโปร่งใสทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋ารุ่นฮิตหรือ Limited Edition ก็สามารถส่งเข้าประเมินได้ง่าย ๆ ทั้งออนไลน์และหน้าร้านทุกสาขา ได้แก่

  • BRANDNAME VOYAGE – RAMA 9 (ตึก G Tower ชั้น B เชื่อมกับเซ็นทรัลพระราม 9)
  • BRANDNAME VOYAGE – RANGSIT (Future Park รังสิต ชั้น 1 โซน Robinson)
  • BRANDNAME VOYAGE – PHUKET (Robinson Lifestyle ถลาง ชั้น 1)
  • BRANDNAME VOYAGE – CHIANG MAI ถนนมงฟอร์ต อำเภอเมืองเชียงใหม่ (เฉพาะรับซื้อ)

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. LE 5 À 7 in smooth leather | Saint Laurent | YSL TH. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.ysl.com/en-th/pr/le-5-a-7-in-smooth-leather-6572282R20W1000.html
  2. Black Prada Re-Edition 2005 Re-Nylon bag. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.prada.com/th/en/p/prada-re-edition-2005-re-nylon-bag/1BH204_R064_F0002_V_V9L
  3. กระเป๋ารุ่น Loop Monogram. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 จาก https://th.louisvuitton.com/tha-th/products/loop-monogram-nvprod3190103v/M81098
  4. คอลเล็กชั่น Gucci Jackie | กระเป๋าสะพาย. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.gucci.com/th/th/st/capsule/jackie-1961?srsltid=AfmBOopJKiW5cP9qGOBxU2AqGHQBSpraFcehKG6sIvwSBUlZ7FfyWFS5
  5. Bottega Veneta® Men’s Sardine Hobo in Black. Shop online now.. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.bottegaveneta.com/en-th/sardine-hobo-black-813145647.html
  6. AVA BAG IN TRIOMPHE CANVAS AND CALFSKIN – TAN. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.celine.com/en-th/celine-shop-women/handbags/more-lines/ava-bag-in-triomphe-canvas-and-calfskin-193952BZJ.04LU.html
  7. Dior Bobby – Bags – Woman. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.dior.com/en_th/fashion/womens-fashion/bags/dior-bobby-bag
  8. Mini Hammock hobo in classic calfskin Brown. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.loewe.com/int/en/women/bags/hammock/mini-hammock-hobo-in-classic-calfskin/A538G13X01-2530.html
  9. Women’s Designer Bags | FENDI US. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.fendi.com/us-en/woman/bags?srsltid=AfmBOorZw4ceSmknRmx3giToNX1uVh-WrNz4ZdXqnvhl57WBqhLvegtD
  10. Women’s Le Cagole Bags. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.balenciaga.com/en-us/women/bags/le-cagole?srsltid=AfmBOoo9viSiYqExBzlTlzE5FQ56qv3juEABYDRvBF-CH7txGo7LWU9K
  11. กระเป๋า chanel 22. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.chanel.com/th/fashion/chanel-22/c/1x3x21x1/handbags/
  12. Polo ID Calfskin Mini Shoulder Bag. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.ralphlauren.com/women-accessories-handbags/polo-id-calfskin-mini-shoulder-bag/620942.html
Posted on

ทรงกระเป๋า 10 ประเภทยอดนิยม พร้อมตัวอย่างกระเป๋าจากแบรนด์หรู

10 ทรงกระเป๋ายอดนิยม พร้อมตัวอย่างจากแบรนด์หรู

กระเป๋า ไม่ใช่เพียงแค่อุปกรณ์เสริมสำหรับใส่ของ แต่ยังเป็นเครื่องประดับที่สะท้อนถึงบุคลิกและสไตล์ของเจ้าของ ในโลกแห่งแฟชั่นที่หลากหลาย การรู้จักทรงกระเป๋าแต่ละแบบจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณเลือกกระเป๋าที่เหมาะกับทุกโอกาส บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจ 10 ทรงกระเป๋าแฟชั่นยอดนิยม พร้อมแนะนำตัวอย่างจากแบรนด์หรูชื่อดังที่สร้างสรรค์กระเป๋าทรงต่าง ๆ อย่างโดดเด่น เพื่อให้คุณสามารถเลือกประเภทกระเป๋าทรงที่ตรงใจและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้อย่างมั่นใจ

กระเป๋าทรงต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยม

ทรงกระเป๋ามีกี่แบบ ? ลักษณะเด่นและตัวอย่างแบรนด์หรู

การเลือกกระเป๋าที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยเสริมลุคให้ดูดี แต่ยังสะท้อนความเป็นตัวตนและความหรูหราแบบไม่ต้องอวดอ้าง ทุกทรงกระเป๋าต่างมีประวัติศาสตร์และเรื่องราวที่น่าสนใจ รวมถึงมีฟังก์ชันเฉพาะตัวที่ตอบสนองความต้องการในการใช้งานแต่ละโอกาส

1. Tote Bag (โท้ทแบ็ก)

กระเป๋าทรง Tote Bag
กระเป๋าทรงโท้ทแบ็ก (Tote Bag) คือ กระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ที่มีหูหิ้วสองข้างแข็งแรง ปากกระเป๋าเปิดกว้างทำให้สามารถใส่ของได้จำนวนมาก เหมาะกับการใช้ชีวิตประจำวัน ไปทำงาน ช็อปปิง หรือเดินทาง เป็นกระเป๋าที่ให้ความสะดวกสบายและเป็นประโยชน์สูงสุด

ตัวอย่างกระเป๋าโท้ทจากแบรนด์หรู

  • Louis Vuitton Neverfull
  • Goyard Saint Louis
  • Chanel Deauville Tote

2. Crossbody Bag (กระเป๋าสะพายข้าง/คาดลำตัว)

กระเป๋าทรงCrossbody Bag
กระเป๋าทรงครอสบอดี้แบ็ก (Crossbody Bag) คือ กระเป๋าที่มีสายสะพายยาวที่ปรับขนาดได้ สามารถสะพายข้างหรือคาดลำตัวได้ตามความสะดวก มีขนาดตั้งแต่เล็กจนถึงกลาง ใช้งานคล่องตัวและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่ต้องการความสะดวกในการเคลื่อนไหวแบบไม่ต้องใช้มือถือ

ตัวอย่างกระเป๋าครอสบอดี้จากแบรนด์หรู

  • Chanel Classic Flap
  • Gucci GG Marmont
  • Bottega Veneta Padded Cassette

3. Bucket Bag (บัคเก็ตแบ็ก/ทรงขนมจีบ)

กระเป๋าทรงBucket Bag
กระเป๋าทรงบัคเก็ตแบ็ก (Bucket Bag) คือ กระเป๋าทรงกระบอกหรือถังที่มีปากกระเป๋ากว้างและเชือกรูดปิด ให้ความรู้สึกสบาย ๆ ไม่เป็นทางการ สามารถใส่ของได้เยอะและเหมาะกับลุคแคชชวลหรือไปเที่ยว มีเสน่ห์แบบสาวยุโรปที่ชิลและไม่ซีเรียสเกินไป

ตัวอย่างกระเป๋าบัคเก็ตจากแบรนด์หรู

  • Mansur Gavriel Bucket Bag
  • Louis Vuitton Noé
  • Saint Laurent Le Bucket

4. Hobo Bag (โฮโบแบ็ก)

กระเป๋าทรงHobo
กระเป๋าทรงโฮโบแบ็ก (Hobo Bag) คือ กระเป๋าทรงโค้งเว้าเหมือนพระจันทร์เสี้ยวที่ทำจากวัสดุนิ่ม สามารถถือหรือสะพายไหล่ได้อย่างสบาย ให้ความรู้สึกสบาย ๆ และทันสมัย เป็นทรงที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกระเป๋าของพวกพเนจร (Hobo) ในอเมริกายุคก่อน จึงมีลักษณะที่ดูแคชชวลแต่มีสไตล์

ตัวอย่างกระเป๋าโฮโบจากแบรนด์หรู

  • Celine Ava
  • Gucci Jackie 1961
  • Prada Cleo

5. Satchel Bag (แซทเชลแบ็ก)

กระเป๋าทรง Satchel Bag
กระเป๋าทรงแซทเชลแบ็ก (Satchel Bag) คือ กระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมที่มีโครงสร้างชัดเจน มีฝาปิดด้านหน้าและหูหิ้วแข็งแรง มักจะมีสายสะพายเสริมด้วย เหมาะกับลุคทางการหรือไปทำงาน ให้ความรู้สึกเป็นระเบียบและเป็นมืออาชีพ ได้รับแรงบันดาลใจจากกระเป๋าโรงเรียนแบบดั้งเดิม

ตัวอย่างกระเป๋าแซทเชลจากแบรนด์หรู

  • Saint Laurent Solferino
  • Prada Galleria
  • Mulberry Alexa

6. Clutch (คลัตช์)

ผู้หญิงกำลังถือกระเป๋าทรงคลัตช์ (Clutch) หนึ่งในทรงกระเป๋ายอดนิยม
กระเป๋าทรงคลัตช์ (Clutch) คือ กระเป๋าถือขนาดเล็กถึงกลางที่ไม่มีสายหรือมีสายถอดได้ เหมาะกับงานเลี้ยง งานกลางคืน หรือโอกาสพิเศษ ให้ความรู้สึกเรียบหรูและเป็นทางการ ชื่อ Clutch มาจากคำว่า “to clutch” ที่แปลว่าการกำไว้แน่น เพราะต้องถือไว้ในมือตลอดเวลา

ตัวอย่างคลัตช์จากแบรนด์หรู

  • Bottega Veneta The Pouch
  • Chanel Clutch
  • Jimmy Choo Celeste

กระเป๋าทรง Baguette Bag
กระเป๋าทรงบาแกตต์แบ็ก (Baguette Bag) คือ กระเป๋าทรงยาวเหมือนขนมปังฝรั่งเศสที่มีขนาดกะทัดรัด มีสายสั้นสำหรับสะพายไหล่ เป็นทรงที่ได้รับความนิยมมากในยุค 90s และกลับมาฮิตอีกครั้งในปัจจุบัน ชื่อบาแกตต์มาจากการที่สาวปารีเซียงมักจะหิ้วกระเป๋าใบนี้ไว้ใต้รักแร้เหมือนกับการหิ้วขนมปังบาแกตต์

ตัวอย่างกระเป๋าบาแกตต์จากแบรนด์หรู

  • Fendi Baguette
  • Prada Bonnie
  • Loewe Cropped Puzzle Fold Bag

8. Backpack (เป้สะพายหลัง)

กระเป๋าทรง Backpack
กระเป๋าทรงเป้สะพายหลัง (Backpack) คือ กระเป๋าที่มีสายสะพายสองข้างสำหรับสะพายหลัง ให้ความสะดวกในการเดินทางและกิจกรรมที่ต้องการความคล่องตัว สามารถใส่ของได้เยอะและกระจายน้ำหนักได้ดี ในโลกแฟชั่น เป้สะพายหลังได้รับการยกระดับให้กลายเป็นกระเป๋าทรงหรูหราที่ใช้ได้ทั้งการทำงานและท่องเที่ยว

ตัวอย่างเป้สะพายหลังจากแบรนด์หรู

  • Louis Vuitton Palm Springs
  • Chanel Urban Spirit
  • Gucci GG Marmont Backpack

9. Box/Frame Bag (ทรงกล่อง/เฟรม)

กระเป๋าทรง Box-Frame Bag
กระเป๋าทรงกล่องหรือเฟรมแบ็ก (Box/Frame Bag) คือ กระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมหรือกล่องที่มีโครงสร้างแข็งแรงและชัดเจน มักจะมีกลไกปิด-เปิดแบบเฟรมที่คล้ายกับกระเป๋าสตางค์โบราณ ดูคลาสสิกและเป็นทางการ เหมาะกับโอกาสที่ต้องการความเป็นระเบียบและความสง่างาม ได้รับแรงบันดาลใจจากกระเป๋าเครื่องสำอางและกล่องเครื่องประดับสมัยก่อน

ตัวอย่างกระเป๋าทรงกล่องจากแบรนด์หรู

  • Celine Box Bag
  • Mark Cross Grace Box
  • Louis Vuitton Petite Malle

10. Saddle Bag (แซดเดิลแบ็ก)

กระเป๋าทรง Saddle Bag
กระเป๋าทรงแซดเดิลแบ็ก (Saddle Bag) คือ กระเป๋าทรงโค้งที่มีลักษณะคล้ายอานม้า มีฝาปิดและสายสะพาย เป็นทรงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและดูแปลกตาเมื่อเทียบกับทรงอื่น ๆ เหมาะกับลุคแฟชั่นที่ต้องการความโดดเด่น มักออกแบบให้มีรายละเอียดที่น่าสนใจและดูมีมิติ ได้รับแรงบันดาลใจจากอุปกรณ์ขี่ม้าแบบดั้งเดิม

ตัวอย่างกระเป๋าแซดเดิลจากแบรนด์หรู

  • Dior Saddle Bag
  • Chloe Tess
  • Gucci Horsebit 1955

จะเห็นได้ว่าทรงกระเป๋าต่าง ๆ มีเสน่ห์และฟังก์ชันเฉพาะตัว หากเลือกให้เหมาะกับสไตล์และโอกาสใช้งานจะช่วยเสริมลุคให้ดูดีและมั่นใจยิ่งขึ้น

มองหาประเภทกระเป๋าทรงที่ถูกใจจากแบรนด์หรูในราคามือสอง หรืออยากขายต่อ/ฝากขายกระเป๋าแบรนด์เนมอย่างมั่นใจ แนะนำ BRANDNAME VOYAGE เพราะเรามีบริการรับซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม ประเมินราคาโดยผู้เชี่ยวชาญ รับซื้อหลุยส์ กุชชี่ ดิออร์ และแบรนด์หรูทุกแบรนด์ ให้ราคาน่าพึงพอใจ สามารถส่งเข้าประเมินได้ง่าย ๆ ทั้งออนไลน์และหน้าร้านทุกสาขา ได้แก่

  • BRANDNAME VOYAGE – RAMA 9 (ตึก G Tower ชั้น B เชื่อมกับเซ็นทรัลพระราม 9)
  • BRANDNAME VOYAGE – RANGSIT (Future Park รังสิต ชั้น 1 โซน Robinson)
  • BRANDNAME VOYAGE – PHUKET (Robinson Lifestyle ถลาง ชั้น 1)
  • BRANDNAME VOYAGE – CHIANG MAI ถนนมงฟอร์ต อำเภอเมืองเชียงใหม่ (เฉพาะรับซื้อ)

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. 32 Types of Handbags And Their Usage Scenarios You Should Know. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 จาก https://www.rz-sourcing.com/types-of-handbags.html
  2. A complete guide to bags. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 จาก https://theconceptwardrobe.com/build-a-wardrobe/a-complete-guide-to-bags
Posted on Leave a comment

Chanel Size Guide พร้อมวิธีเลือกขนาดให้เหมาะกับคุณ

Chanel Classic เลือกขนาดไหนดี บทความนี้มีคำตอบ

เปรียบเทียบกระเป๋าชาแนลคลาสสิกทุกขนาด

Chanel Classic Flap Bag ถือเป็นกระเป๋าไอคอนิกเหนือกาลเวลาที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากสาว ๆ ทั่วโลก เพราะไม่ใช่เพียงแค่ความหรูหราในดีไซน์ แต่ยังเป็นกระเป๋าที่เหมาะทั้งสำหรับการใช้งานจริงและการลงทุน ด้วยความคลาสสิกที่ไม่มีวันตกเทรนด์ พร้อมดีไซน์ที่สามารถใช้งานได้ในหลากหลายโอกาส

หนึ่งในคำถามยอดนิยมจากผู้ที่กำลังตัดสินใจซื้อกระเป๋ารุ่นนี้ คือ Chanel Classic มีกี่ขนาด ? บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับขนาดทั้งหมดของ Chanel Classic Flap และความแตกต่างของแต่ละไซซ์ พร้อมแนะนำขนาดที่เหมาะกับสไตล์ของคุณ

เปรียบเทียบกระเป๋าชาแนล

 

Chanel Classic มีกี่แบบ กี่ขนาด ?

Chanel Classic Flap Bag รุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือแบบ Double Flap ซึ่งมีช่องด้านในสองชั้น พร้อมสายโซ่หนังอันเป็นเอกลักษณ์ โดยมีให้เลือกทั้งหมด 7 ขนาดหลัก ได้แก่

  • Extra Mini
  • Mini Square
  • Mini Rectangular
  • Small
  • Medium
  • Jumbo
  • Maxi

ขนาดของ Chanel Classic แต่ละใบออกแบบมาให้เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การเป็นกระเป๋าคู่ใจสำหรับถือไปงานสำคัญ ไปจนถึงรุ่นใหญ่ที่สามารถนำไปใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างจุใจ

ขนาด Chanel Classic 10 นิ้ว หรือรุ่น Medium อยู่ที่เท่าไร

หนึ่งในรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Chanel Classic Medium Flap Bag ซึ่งมีความกว้างโดยประมาณ 10 นิ้ว หรือ 25.5 เซนติเมตร จึงทำให้หลายคนนิยมเรียกสั้น ๆ ว่า Chanel Classic 10 นิ้ว

ขนาดโดยประมาณของ Chanel Classic 10

  • กว้าง : 25.5 ซม. (10 นิ้ว)
  • สูง : 16 ซม.
  • ลึก : 6.5 ซม.

ด้วยขนาดที่ลงตัว จึงสามารถใส่ของจำเป็นในชีวิตประจำวันได้ครบ เช่น กระเป๋าสตางค์ใบยาว โทรศัพท์มือถือ หรือเครื่องสำอางชิ้นเล็ก ๆ และยังคงดูหรูหรา ไม่เทอะทะ เหมาะกับทั้งลุคทางการและลุคแคชชวล

Chanel Classic Size Guide : ตารางเปรียบเทียบขนาด Chanel Classic Flap Bag

 

รุ่น ขนาด (ซม.) จุดเด่น
Extra Mini 17 x 10 x 5 ใบเล็กที่สุด เหมาะกับการใส่ของจิ๋ว ๆ เช่น บัตร ลิป
Mini Square 17 x 13 x 7 ขนาดกำลังพอดี ใช้งานง่าย เหมาะกับลุควันสบาย ๆ
Mini Rectangular 20 x 12 x 6 ใส่ของจำเป็นได้ครบ เช่น มือถือ กระเป๋าสตางค์
Small 23 x 14 x 6 ขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย สามารถใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
Medium (10 นิ้ว) 25.5 x 16 x 6.5 ขนาดยอดนิยม ครอบคลุมทุกการใช้งาน
Jumbo 30 x 20 x 10 เหมาะสำหรับคนชอบพกของเยอะ ใช้งานได้คุ้ม แต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหรา
Maxi 34 x 23 x 10 ขนาดใหญ่สุด สามารถใส่เอกสารได้ เหมาะกับลุคทางการและวันทำงาน

การเลือกขนาดกระเป๋า Chanel Classic ให้เหมาะกับการใช้งาน

 

ซื้อกระเป๋าชาแนล คลาสสิก เลือกขนาดไหนดี ?

การเลือกขนาดของกระเป๋า Chanel Classic ที่เหมาะสมไม่เพียงช่วยให้ใช้งานสะดวก แต่ยังช่วยให้กระเป๋าเสริมบุคลิกได้อย่างลงตัว การเลือกให้ถูกขนาดจึงเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้การเลือกรุ่นหรือสีเลยทีเดียว โดยควรพิจารณาจากปัจจัยดังต่อไปนี้

ลักษณะการใช้งาน

ก่อนตัดสินใจซื้อ Chanel Classic ควรถามตัวเองก่อนว่า ต้องการที่จะใส่อะไรลงไปในกระเป๋าบ้าง

  • สำหรับคนที่พกของน้อย : เช่น มือถือ ลิปสติก บัตร และกระเป๋าสตางค์ใบเล็ก รุ่น Mini Square หรือ Mini Rectangular จะตอบโจทย์ ด้วยน้ำหนักที่เบา ขนาดกะทัดรัด สะพายง่าย และยังดูดีในทุกสถานการณ์
  • สำหรับคนที่ต้องการใช้เป็น Everyday Bag : หากคุณต้องพกของจำเป็นในแต่ละวัน เช่น สมุดบันทึก แว่นตา หรือกระเป๋าสตางค์ใบยาว รุ่น Medium (10 นิ้ว) หรือ Jumbo จะเหมาะสมกว่า เพราะมีความจุมากขึ้นโดยไม่เทอะทะจนเกินไป

เคล็ดลับเพิ่มเติม : รุ่น Medium เป็นรุ่นที่ใช้ได้ทุกสถานการณ์และได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่สาว ๆ ทั่วโลก เพราะเป็นรุ่นที่บาลานซ์ทั้งดีไซน์และการใช้งานได้อย่างลงตัว

รูปร่างและความสูง

  • สาวร่างเล็กหรือรูปร่างเล็กบาง : ควรหลีกเลี่ยงรุ่น Jumbo หรือ Maxi เพราะอาจทำให้ดูตัวเล็กลงไปอีก และกระเป๋าอาจใหญ่เกินสมดุลของรูปร่าง ให้เลือกรุ่น Mini, Small หรือ Medium ที่เสริมลุคได้ดีกว่า
  • สาวร่างสูง หรือรูปร่างสมส่วน : สามารถถือรุ่น Medium, Jumbo หรือ Maxi ได้อย่างมั่นใจ เพราะขนาดกระเป๋าจะสมดุลกับรูปร่าง และช่วยสร้างลุคที่ดูโดดเด่น

โอกาสในการใช้งาน

ในบางครั้ง ขนาดของกระเป๋าที่เหมาะสม ก็ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการใช้ ไม่ว่าจะเป็นงานทางการหรือวันสบาย ๆ

  • ใช้ในโอกาสทางการ : เช่น งานประชุม งานสัมมนา หรือดินเนอร์กลางคืน เลือกรุ่น Small หรือ Medium เพราะมีขนาดพอดี ใส่ของได้ครบ และดูสุภาพ
  • ใช้งานในชีวิตประจำวัน : เช่น ไปทำงาน ออกไปคาเฟ่ หรือท่องเที่ยว เลือก Medium หรือ Jumbo ที่มีพื้นที่เพียงพอและคล่องตัวสำหรับการใช้งานหลากหลาย
  • เดินทางต่างประเทศ หรือไปงานแฟชั่น : รุ่น Mini เหมาะอย่างยิ่ง เพราะน้ำหนักเบาและไม่กินพื้นที่ในกระเป๋าเดินทาง

หากคุณกำลังมองหากระเป๋า Chanel Classic ไม่ว่าจะเป็นรุ่น Mini, Medium หรือ Jumbo ในราคาที่เข้าถึงได้ พร้อมความมั่นใจว่าเป็นของแท้ 100% แนะนำให้เลือกซื้อจากร้านที่เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านแบรนด์เนมโดยเฉพาะ โดย BRANDNAME VOYAGE คือศูนย์กลางสำหรับซื้อ-ขาย-ฝากขายกระเป๋าแบรนด์เนมแท้ ที่พร้อมให้บริการคุณด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจสินค้าระดับไฮเอนด์อย่างแท้จริง เราคัดสรรเฉพาะกระเป๋าแท้ มีใบรับรองทุกใบ มี Chanel Classic Flap ให้เลือกหลากหลายขนาด เราพร้อมดูแลคุณด้วยความจริงใจและใส่ใจทุกดีเทล เลือกซื้อได้แล้ววันนี้ที่เว็บไซต์ หรือเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าที่หน้าร้านทั้ง 2 สาขาหลัก ได้แก่ G Tower Rama 9 ชั้น B (ทางเชื่อมเซ็นทรัลพระราม 9) และ Future Park รังสิต ชั้น 1 โซน Robinson หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมที่

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. The Ultimate Chanel Classic Flap Bag Size Guide: Find Your Perfect Fit. สืบค้นเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2568 จาก https://www.xupes.com/blog/post/the-ultimate-chanel-classic-flap-bag-size-guide-find-your-perfect-fit-%7C-xupes
Posted on Leave a comment

ประวัติ Louis Vuitton จากหีบเดินทางสู่แบรนด์เนมหรูที่โลกจดจำ

เปิดประวัติ Louis Vuitton สู่ความยิ่งใหญ่ในโลกแฟชั่น

เมื่อพูดถึงแบรนด์แฟชั่นระดับไฮเอนด์ หนึ่งในชื่อที่สามารถหลอมรวมความสง่างามเข้ากับประวัติศาสตร์ได้อย่างแนบเนียน คงไม่พ้น “Louis Vuitton” (หลุยส์ วิตตอง) แบรนด์ที่ไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตกระเป๋าลายโมโนแกรมที่ทุกคนรู้จักกันดี หากแต่ยังเป็น “ผู้รังสรรค์ศิลปะแห่งการเดินทาง” ที่สะท้อนถึงวิถีชีวิตอันหรูหรา มีระดับ และเปี่ยมไปด้วยรสนิยม

ประวัติ Louis Vuitton เริ่มจากการเดินทางของชายหนุ่มคนหนึ่ง ผู้แบกความฝันอันยิ่งใหญ่ไว้ในใจ เดินทางด้วยสองเท้าจากหมู่บ้านเล็ก ๆ สู่มหานครปารีส และเขาไม่เคยหยุดเดินอีกเลยนับแต่นั้น

ชายผู้นั้นคือ “หลุยส์ วิตตอง” ผู้สร้างหีบไม้เคลือบหนังที่ออกแบบมาเพื่อให้พอดีกับขบวนรถไฟในยุคนั้น ซึ่งในเวลาถัดมา เรื่องราวของ Louis Vuitton ก็เต็มไปด้วยจังหวะแห่งการเปลี่ยนผ่าน การส่งต่อ และการตีความแฟชั่นใหม่ ๆ อยู่เสมอ

โดยไม่เคยละทิ้งรากเหง้าแห่งงานฝีมือและความประณีตอันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ จนกระทั่งพัฒนามาเป็นไอเทมแฟชั่นลายโมโนแกรมสุดชิคที่ครองใจคนทั่วโลกในศตวรรษที่ 21 ที่ทุกคนคุ้นตากันอยู่นี้นั่นเอง
ประวัติ Louis Vuitton เริ่มจากการผลิตหีบเดินทางขาย

ทำความรู้จัก “หลุยส์ วิตตอง” ประวัติและความเป็นมา

หลุยส์ วิตตอง เกิดในปี ค.ศ. 1821 ณ เมืองชนบทเล็ก ๆ ของประเทศฝรั่งเศส ในครอบครัวชนชั้นแรงงาน แม้จะมีชีวิตที่ยากลำบาก แต่เขากลับมีหัวใจที่แกร่งเกินวัย และเลือกที่จะออกเดินทางไปยังกรุงปารีสในวัยเพียง 14 ปี ด้วยความฝันที่จะสร้างชีวิตที่ดีกว่า

เขาเริ่มต้นอาชีพในฐานะช่างทำหีบเดินทาง ด้วยความประณีต ความละเอียดลออ และความเข้าใจในฟังก์ชันของหีบที่เหมาะสำหรับการเดินทางในยุคสมัยนั้น ทำให้ฝีมือของเขาเป็นที่รู้จักในกลุ่มชนชั้นสูง จนในที่สุด หลุยส์ วิตตอง ก็ได้ก่อตั้งร้านของตัวเองขึ้นในปี ค.ศ. 1854 ณ Rue Neuve des Capucines ในกรุงปารีส โดยเน้นผลิตหีบเดินทางที่ทั้งแข็งแรง น้ำหนักเบา และมีดีไซน์เรียบหรู ทันสมัย ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติ Louis Vuitton แบรนด์ในตำนานอย่างแท้จริง

ต่อยอดธุรกิจจากพ่อ สู่แบรนด์กระเป๋าลายโมโนแกรมอันโด่งดัง

หลังจากที่ หลุยส์ วิตตอง ถึงแก่กรรมในปี ค.ศ. 1892 ธุรกิจได้ตกทอดสู่ทายาทคนสำคัญอย่าง “จอร์จ วิตตอง” ผู้มีบทบาทหลักในการต่อยอดความสำเร็จของบิดา และพาแบรนด์ก้าวข้ามจากหีบเดินทางสู่โลกแฟชั่นระดับไฮเอนด์อย่างเต็มตัว

หนึ่งในผลงานของ จอร์จ วิตตอง คือ การคิดค้นลาย Damier Canvas หรือลายตารางหมากรุกที่โดดเด่นของแบรนด์ Louis Vuitton ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1888 และต่อมาในปี ค.ศ. 1896 คือลาย Monogram Canvas ที่ประกอบด้วยตัวอักษร LV ล้อมรอบด้วยลวดลายดอกไม้สไตล์โกธิก (Gothic) และโมทิฟ (Motif) จากฝรั่งเศสตะวันออก ซึ่งนอกจากจะเป็นการให้เกียรติผู้ก่อตั้งแล้ว ยังเป็นกลยุทธ์ในการป้องกันการปลอมแปลงที่เริ่มแพร่หลายขึ้นในขณะนั้นด้วย ลายโมโนแกรมจึงได้กลายมาเป็นเอกลักษณ์สำคัญที่ทำให้ชื่อเสียงของแบรนด์โด่งดังไปทั่วโลก และยังคงมีการนำมาใช้ในหลากหลายคอลเลกชันจวบจนปัจจุบัน

Louis Vuitton แบรนด์เนมระดับหรูที่ครองใจแฟชั่นนิสต้าทั่วโลก

จากร้านหีบเล็ก ๆ ในปารีส Louis Vuitton ได้พัฒนาเป็นแบรนด์แฟชั่นหรูที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดแบรนด์หนึ่งของโลก ด้วยการขยายไลน์สินค้าจากหีบเดินทางสู่กระเป๋าหนัง เสื้อผ้า รองเท้า นาฬิกา เครื่องประดับ แว่นตา ฯลฯ ที่มีดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ โดยแบรนด์ยังคงยืนหยัดในหลักการเรื่องคุณภาพของวัสดุ ความพิถีพิถันในการผลิต และงานฝีมือที่เป็นหัวใจของทุกชิ้นงาน ไม่ว่าจะเป็นคอลเลกชันคลาสสิกหรือคอลเลกชันที่คอลแลบกับศิลปินร่วมสมัย

นอกจากนี้ ช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา ทางแบรนด์ยังได้นักออกแบบระดับโลก ไม่ว่าจะว่าเป็น Marc Jacobs, Nicolas Ghesquière และ Pharrell Williams มาร่วมสร้างสรรค์ไอเทมแฟชั่นที่กลายมาเป็น Iconic Piece ที่ครองใจเหล่าเซเลบริตีและแฟชั่นนิสต้า ทำให้ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคสมัย Louis Vuitton ก็ยังคงสะท้อนภาพลักษณ์ของความหรูหราเหนือกาลเวลาได้เสมอ

กระเป๋า LV Keepall ลายโมโนแกรม

ตัวอย่างสินค้าคลาสสิกยอดนิยมจาก Louis Vuitton

นอกจาก Louis Vuitton จะมีประวัติที่น่าสนใจแล้ว แบรนด์ยังมีสินค้าในตำนานมากมายที่กลายมาเป็นไอเทมยอดนิยม ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังเป็นที่ต้องการในตลาด ทั้งยังมีมูลค่าในการสะสมที่สูงขึ้นตามกาลเวลา เช่น

Louis Vuitton Keepall

กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 1924 ด้วยฟังก์ชันที่สามารถบรรจุสัมภาระได้มาก แต่ยังคงรูปทรงสง่างาม ทำให้ Keepall เป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของนักเดินทางระดับไฮเอนด์ จนได้รับฉายาว่า “Tient-Tout” แปลว่า “ใส่ทุกอย่างลงไปในนั้น (Hold all)”

Louis Vuitton Speedy

กระเป๋าทรงหมอนขนาดกะทัดรัด เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1930 มีรูปทรงที่คล่องตัว เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เป็นกระเป๋าใบแรก ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะ ปัจจุบันก็ยังคงเป็นรุ่นยอดนิยมไม่เสื่อมคลาย ทั้งลาย Monogram และ Damier

Louis Vuitton Pochette Accessoires

กระเป๋าขนาดเล็กดีไซน์เรียบง่าย เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1992 สามารถใช้งานได้หลากหลาย จะใช้เป็นคลัตช์สำหรับออกงานกลางคืน หรือเป็นกระเป๋า Cross-Body คู่ใจในวันธรรมดาก็ได้ ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เหล่าแฟน ๆ Louis Vuitton นิยมสะสม เพราะสามารถ Mix & Match ได้กับทุกลุค

จากจุดเริ่มต้นที่เรียบง่ายของชายผู้มีฝีมือด้านการผลิตหีบเดินทาง สู่แบรนด์แฟชั่นระดับโลก ประวัติ Louis Vuitton ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า ความทุ่มเทในคุณภาพ ความคิดสร้างสรรค์ และการไม่หยุดพัฒนา คือหัวใจที่ทำให้แบรนด์ยังคงครองใจผู้คนทั่วโลกได้อย่างมั่นคง

สำหรับผู้ที่หลงใหลในงานฝีมือระดับตำนาน การมีกระเป๋า Louis Vuitton ของแท้ไว้ในครอบครอง ไม่เพียงแต่เป็นการลงทุนในแฟชั่น แต่ยังสะท้อนถึงรสนิยมอันประณีตที่ข้ามผ่านกาลเวลาอีกด้วย ซึ่งที่ BRANDNAME VOYAGE เราคัดสรรกระเป๋า LV มือสองของแท้ที่ผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ทั้งในแง่ของสภาพ ความแท้ และความคุ้มค่า โดยทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์ในวงการแบรนด์เนม เพื่อให้คุณได้สัมผัสจิตวิญญาณของแบรนด์หรูระดับโลกในราคาที่จับต้องได้

เลือกชมสินค้าได้ที่เว็บไซต์ หรือเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าที่หน้าร้านทั้ง 3 สาขา ได้แก่

  • BRANDNAME VOYAGE – RAMA 9 (ตึก G Tower ชั้น B เชื่อมกับเซ็นทรัลพระราม 9)
  • BRANDNAME VOYAGE – RANGSIT (Future Park รังสิต ชั้น 1 โซน Robinson)
  • BRANDNAME VOYAGE – PHUKET (Robinson Lifestyle ถลาง ชั้น 1)

และ BRANDNAME VOYAGE – CHIANG MAI ถนนมงฟอร์ต อำเภอเมืองเชียงใหม่ (เฉพาะรับซื้อ)

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. The Louis Vuitton Keepall: the journey of the famous travel bag. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 จาก https://www.vintega.com/en/blogs/magazine/le-keepall-de-louis-vuitton-le-periple-du-celebre-sac-de-voyage?srsltid=AfmBOoo50yB3OY5qdFV-eONSCF-1Lv8o5qypH3U-opVtXQ4Ajxf–7SF.
  2. 4 สิงหาคม 1821 – วันเกิด หลุยส์ วิตตอง. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 จาก https://thestandard.co/pop-onthisday04081821/.
  3. นับตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้…แบรนด์ Louis Vuitton ผ่านอะไรมาบ้าง ทบทวนในสกู๊ป #ฉบับรวบรัด ที่นี่. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 จาก https://www.vogue.co.th/fashion/inspirations/article/begin-again-lv.
Posted on Leave a comment

ประวัติและบทบาทของ Yves Saint Laurent ในวงการแฟชั่น

ประวัติ Yves Saint Laurent ตำนานที่เปลี่ยนโลกแฟชั่น

ประวัติแบรนด์ Yves Saint Laurent (YSL)
Yves Saint Laurent (YSL) คือหนึ่งในแบรนด์ที่มีอิทธิพลต่อวงการแฟชั่นระดับโลก ด้วยการออกแบบเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ผสมผสานศิลปะและความหรูหราได้อย่างลงตัว YSL ไม่เพียงแต่เป็นผู้นำด้านดีไซน์ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความคลาสสิกที่ไม่เคยตกยุค และความทันสมัยที่ทรงอิทธิพลไปทั่วโลก

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับประวัติของแบรนด์ Yves Saint Laurent และบทบาทสำคัญในวงการแฟชั่น ที่เปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาล

ประวัติของ Yves Saint Laurent

อีฟส์ มาติเออร์-แซงต์-โลรองต์ (Yves Mathieu-Saint-Laurent) เกิดในปี ค.ศ. 1936 ที่เมืองอัลเจียร์ (Algeria) ประเทศฝรั่งเศส เด็กชายผู้นี้มีความสนใจในแฟชั่นอย่างแรงกล้าตั้งแต่เยาว์วัย และด้วยพรสวรรค์อันโดดเด่น เขาจึงได้เข้าเรียนที่ École de la Chambre Syndicale de la Couture Parisienne ซึ่งเป็นโรงเรียนแฟชั่นอันดับ 1 ในฝรั่งเศส และเริ่มทำงานในวงการแฟชั่นตั้งแต่อายุเพียง 18 ปี โดยได้รับเลือกให้เป็นผู้ช่วยของ Christian Dior ดีไซเนอร์ผู้โด่งดังในระดับโลก

เมื่อเวลาผ่านไป ในปี ค.ศ. 1957 วงการแฟชั่นก็ต้องพบกับเรื่องอันน่าเศร้า คือการจากไปอย่างกะทันหันของ Christian Dior แต่ในขณะเดียวกัน ก็กลายเป็นจุดพลิกผันอันยิ่งใหญ่ของโลรองต์ เพราะเขาได้รับมอบหมายให้กลายเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งดีไซเนอร์หลักของ Dior ในขณะที่มีอายุเพียง 21 ปี

การก่อตั้งแบรนด์ Yves Saint Laurent

หลังจากสะสมประสบการณ์ในวงการแฟชั่นมาอย่างยาวนาน ในปี ค.ศ. 1961 โลรองต์ก็ได้ก่อตั้งแบรนด์ของตนเองที่มีชื่อว่า อีฟส์ แซงต์ โลรองต์ (Yves Saint Laurent) ซึ่งนำเสนอเสื้อผ้าที่เป็นการผสมผสานศิลปะอันหรูหราเข้ากับความเรียบง่าย สามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน แนวคิดนี้ทำให้แฟชั่น กลายเป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และไม่ว่าใครก็สามารถสวมใส่เสื้อผ้าที่มีดีไซน์หรูหราได้ โดยไม่จำกัดว่าต้องเป็นเสื้อผ้าที่สั่งตัดจาก Haute Couture เพียงอย่างเดียว

นอกจากนี้ Yves Saint Laurent ยังเป็นแบรนด์แรกที่นำเอกลักษณ์ของเสื้อผ้าผู้ชาย มาผสมผสานกับการดีไซน์เสื้อผ้าผู้หญิง ซึ่งการออกแบบของโลรองต์ ณ เวลานั้น กลายเป็นจุดเริ่มต้นของการปฏิวัติแฟชั่นสำหรับผู้หญิงไปตลอดกาล

บทบาทสำคัญของ Yves Saint Laurent ที่มีต่อวงการแฟชั่น

นวัตกรรมการออกแบบที่เปลี่ยนโลกแฟชั่น

หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำของ Yves Saint Laurent คือ การเปิดตัว “Le Smoking” หรือทักซีโดสำหรับผู้หญิง ในปี ค.ศ. 1966 ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวงการแฟชั่น โดยสำหรับสาว ๆ ในยุคนี้น Le Smoking ไม่ได้เป็นแค่ชุดสำหรับสวมใส่ในงานปาร์ตี้ แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงสิทธิและความเท่าเทียมของผู้หญิงในสังคม

ชุดที่โลรองต์ดีไซน์ จึงไม่ใช่แค่เครื่องแต่งกาย แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่นใจ ความแข็งแกร่ง และการก้าวผ่านข้อจำกัดของสังคม ทำให้ผู้หญิงสามารถแสดงออกถึงพลังและอำนาจในตัวเองได้อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ Yves Saint Laurent ยังเป็นผู้บุกเบิกแฟชั่น Prêt-à-Porter หรือเสื้อผ้าแบบ “พร้อมใส่” ที่ช่วยให้ทุกคนสามารถหยิบชุดสวย ๆ ไปใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องสั่งตัดพิเศษทุกครั้ง

กล่าวได้ว่า เขาคือผู้ที่ทำให้เรื่องของ แฟชั่นหรู ไม่ได้จำกัดแค่ผู้ที่มีรายได้สูงเท่านั้น แต่เปลี่ยนให้แฟชั่น กลายเป็นของทุกคนที่รักในการแต่งตัว

การเติบโตของ Yves Saint Laurent

หลังจากประสบความสำเร็จในการดีไซน์เสื้อผ้า การเปิดตัวน้ำหอม YSL ในปี ค.ศ. 1964 นับเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่ตอกย้ำถึงอิทธิพลที่แบรนด์ Yves Saint Laurent มีต่อวงการแฟชั่น โดยน้ำหอม YSL ได้รับการยอมรับในทันที ด้วยกลิ่นที่สะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ โดยเฉพาะน้ำหอมรุ่น Opium ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 1977 ซึ่งกลายเป็นไอคอนของน้ำหอมในยุคนั้น และยังคงได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน

และไม่ใช่แค่น้ำหอมเท่านั้น แต่การต่อยอดสินค้าประเภทอื่น ๆ เช่น กระเป๋า YSL ซึ่งมีดีไซน์ที่ทันสมัยและหรูหรา ก็ได้ทำให้แบรนด์ Yves Saint Laurent ขึ้นแท่นผู้นำในวงการแฟชั่น และส่งผลให้กระเป๋ากลายเป็นที่ต้องการของผู้คนทั่วโลก โดยเฉพาะรุ่น Chyc Bag และ Kate Bag

การขยายสินค้าของ Yves Saint Laurent ไปยังหลายด้าน ทำให้แบรนด์ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ของผู้ที่หลงใหลในแฟชั่นอันหรูหรา โดยทุกผลิตภัณฑ์จาก Yves Saint Laurent เป็นการผสมผสานระหว่าง ความงดงามและความทันสมัย ซึ่งนำมาพัฒนาให้อยู่ในรูปแบบที่เข้าถึงได้ง่าย ทำให้แบรนด์นี้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

ภายหลังจากที่โลรองต์เสียชีวิตในปี ค.ศ. 2008 แบรนด์ของเขายังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และได้รับความนิยมในวงการแฟชั่นอย่างไม่เสื่อมคลาย ด้วยการรักษามาตรฐานทั้งในด้านผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และงานดีไซน์ที่สร้างสรรค์อย่างไม่หยุดนิ่ง

ปัจจุบันนี้ แบรนด์ Yves Saint Laurent ยังมีการพัฒนาผลงานใหม่ ๆ โดยผู้ออกแบบคนใหม่ที่มีชื่อว่า Anthony Vaccarello โดยคงเอกลักษณ์อันโดดเด่นของแบรนด์ไว้อย่างแข็งแกร่ง และในขณะเดียวกันก็เติมเต็มความทันสมัยในแบบของตัวเอง เช่น การเปิดตัวคอลเลกชันต่าง ๆ ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ แต่ยังคงความหรูหราแบบดั้งเดิมของ Yves Saint Laurent ไว้อย่างเต็มที่

เจาะลึกประวัติของ YSL ตำนานแห่งวงการแฟชั่น

กระเป๋า YSL ที่สุดแห่งความไอคอนิกที่ไม่มีวันตกยุค

กระเป๋าของ Yves Saint Laurent เป็นไอเทมที่ได้รับความนิยมสูงในกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบกระเป๋าแบรนด์เนม ด้วยการออกแบบที่ดูเรียบง่าย ตอบโจทย์การใช้งานในทุกโอกาส แต่ในขณะเดียวกันก็มาพร้อมความหรูหรา ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่เคยตกยุค ทั้งยังทำให้กระเป๋าจากแบรนด์นี้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

กระเป๋า YSL รุ่นยอดนิยม

  • YSL Kate Bag
    กระเป๋าที่มาพร้อมกับดีไซน์เรียบหรูและสะดุดตา เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ชื่นชอบลุคเรียบง่าย แต่ยังคง ความหรูหรา กระเป๋าใบนี้เหมาะกับการใช้ในงานกลางคืน หรือโอกาสพิเศษที่ต้องการความดูดีในทุกมุมมอง
  • YSL LouLou Bag
    กระเป๋าที่เป็นส่วนผสมอันลงตัวของแฟชั่นสุดเก๋และฟังก์ชันที่สะดวกต่อการใช้งาน เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันที่ต้องการความสะดวกสบาย
  • YSL Monogram Bag
    กระเป๋าที่โดดเด่นด้วยโลโก้ YSL อันเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและคลาสสิก กระเป๋าใบนี้เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการเพิ่มความพิเศษให้กับลุคการแต่งตัว และในขณะเดียวกันก็สามารถหยิบใช้ได้ทุกโอกาส

จากประวัติและผลงานของ Yves Saint Laurent รวมถึงความสำคัญที่แบรนด์มีต่อวงการแฟชั่น เชื่อว่าทุกคนน่าจะได้รู้จักกับแบรนด์นี้กันมากขึ้น และเข้าใจกันแล้วว่า ทำไมกระเป๋า YSL จึงเป็นที่ต้องการของผู้คนทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนรักแฟชั่น นักสะสม หรือนักลงทุน

หากคุณคือคนหนึ่งที่มีกระเป๋า YSL อยู่ในมือ และต้องการปล่อยกระเป๋า YSL เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินสด BRANDNAME VOYAGE พร้อมให้บริการรับซื้อ YSL ด้วยราคาที่เป็นธรรม และประเมินมูลค่ากระเป๋าของคุณอย่างโปร่งใส พร้อมให้บริการอย่างมืออาชีพ ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ

เลือกชมสินค้าได้ที่เว็บไซต์ หรือเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าที่หน้าร้านทั้ง 3 สาขา ได้แก่

  • BRANDNAME VOYAGE – RAMA 9 (ตึก G Tower ชั้น B เชื่อมกับเซ็นทรัลพระราม 9)
  • BRANDNAME VOYAGE – RANGSIT (Future Park รังสิต ชั้น 1 โซน Robinson)
  • BRANDNAME VOYAGE – PHUKET (Robinson Lifestyle ถลาง ชั้น 1)

และ BRANDNAME VOYAGE – CHIANG MAI ถนนมงฟอร์ต อำเภอเมืองเชียงใหม่ (เฉพาะรับซื้อ)

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. ย้อนรอยประวัติ Yves Saint Laurent ชีวิตหลังม่านรันเวย์ที่เป็นดั่งปกรณัมแห่งโลกแฟชั่น. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 จาก https://www.vogue.co.th/fashion/article/yves-saint-laurent-history
Posted on Leave a comment

ลำนำแห่ง Gucci กับประวัติศาสตร์แฟชั่นที่เปลี่ยนโลก

ประวัติแบรนด์ Gucci ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าสนใจ

หากจะมีแบรนด์แฟชั่นที่สามารถเล่าเรื่องราวของศตวรรษที่ 20 ผ่านดีไซน์ได้อย่างสง่างามและมีชั้นเชิง Gucci คงอยู่ในรายชื่อลำดับต้น ๆ อย่างแน่นอน เพราะไม่ใช่แค่ความหรูหราที่สัมผัสได้ตั้งแต่แวบแรก แต่เพราะทุกลวดลายของ Gucci ล้วนผ่านประวัติศาสตร์ ความเปลี่ยนแปลง และวิสัยทัศน์ที่เคยไม่หยุดนิ่งมากว่าร้อยปี

Gucci ไม่เคยยอมเป็นเพียงแบรนด์ที่อยู่แค่ในตู้เสื้อผ้า เพราะด้วยวิสัยทัศน์ในการขับเคลื่อนวัฒนธรรม ก้าวข้ามข้อจำกัดของแฟชั่น สิ่งนี้ทำให้ Gucci กลายเป็นพื้นที่ที่เปิดรับอัตลักษณ์ในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะในยุคที่สงครามโลกบีบให้ต้องประดิษฐ์ด้วยข้อจำกัด ไปจนถึงช่วงเวลาที่รันเวย์กลายเป็นเวทีให้แฟชั่นส่งเสียงแทนสังคม Gucci ก็ยังคงเป็นแบรนด์ที่ “กล้า” เสมอ

เมืองฟลอเรนซ์จุดเริ่มต้นประวัติศาสตร์แบรนด์ Gucci

ฟลอเรนซ์ ค.ศ. 1921 เมื่อประวัติศาสตร์เริ่มถูกขีดเขียน

จุดเริ่มต้นประวัติเจ้าของแบรนด์ Gucci เกิดขึ้นในตอนที่ชายหนุ่มชาวอิตาเลียนนาม Guccio Gucci ทำงานเป็นพนักงานยกกระเป๋าในโรงแรม Savoy กรุงลอนดอน โดยเขาเกิดตกหลุมรักเข้าอย่างจังกับความงามของกระเป๋าเดินทางที่แขกผู้ดีอังกฤษถืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพของหนัง งานฝีมือ และรายละเอียดที่ไร้ที่ติ

หลังเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง ชายหนุ่มก็นำความหลงใหลดังกล่าวติดตัวกลับบ้านเกิดไปด้วย จุดประสงค์คือเพื่อเปิดกิจการเครื่องหนังที่ใส่ใจทุกรายละเอียด ตั้งแต่วัสดุจนถึงการเย็บแต่ละฝีเข็ม และในปี ค.ศ. 1921 เขาก็ได้เปิดร้านเครื่องหนังในเมืองฟลอเรนซ์ โดยเน้นผลิตสินค้าที่ผสานความประณีตแบบอิตาเลียนกับฟังก์ชันที่ตอบโจทย์นักเดินทางยุคใหม่

ใช้เวลาเพียงไม่นาน Gucci ก็จารึกประวัติศาสตร์ กลายเป็นที่รู้จักในฐานะแบรนด์หรูที่ผสมผสานความประณีตแบบอิตาเลียนเข้ากับประโยชน์ใช้สอยอย่างลงตัว โดยหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญคือการถือกำเนิดของกระเป๋า Bamboo Bag ในช่วงสงครามโลกที่โลหะขาดแคลน Gucci ใช้ไม้ไผ่เผาแทนหูจับ ซึ่งไม่เพียงเป็นทางออกด้านวัสดุ แต่กลายเป็นซิกเนเจอร์ที่ยืนยงมาจนทุกวันนี้

จากธุรกิจครอบครัวสู่เวทีโลก

หลังความสำเร็จของ Bamboo Bag เสียงลือเสียงเล่าอ้างเกี่ยวกับ “ความประณีตด้านคุณภาพและดีไซน์” ของ Gucci ดังไกลเกินขอบเขตของเมืองฟลอเรนซ์ และกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายแบรนด์สู่ระดับสากล ด้วยความตั้งใจของ Guccio ที่ต้องการสานต่องานฝีมืออิตาเลียนให้คนทั้งโลกได้รู้จัก เขาจึงดึงลูกชายทั้งสามคนอย่าง Aldo, Vasco และ Rodolfo เข้ามาร่วมสร้างเขียนประวัติศาสตร์แบรนด์ Gucci บทต่อไปด้วยกัน

การร่วมมือกันผลักดันให้ Gucci เข้าสู่ประวัติศาสตร์ยุคทอง ร้านค้าแห่งใหม่ทยอยเปิดในมิลาน โรม และต่อมาถึงนิวยอร์กในปี ค.ศ. 1953 นับเป็นการขยายสาขาแรกในต่างประเทศ และเป็นหมุดหมายสำคัญที่ผลักดันให้ Gucci กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์อิตาเลียนแบรนด์แรก ๆ ที่เข้าสู่ตลาดอเมริกาอย่างเต็มตัว

ถึงจุดนี้ Gucci ไม่ได้เป็นเพียงกิจการครอบครัวอีกต่อไป แต่กลายเป็นเรือธงของสไตล์อิตาเลียนที่โดดเด่นบนเวทีโลก พร้อมกับโลโก้ GG ที่เริ่มปรากฏอยู่บนข้าวของของคนดังทั่วฮอลลีวูด

Tom Ford : ยุคทองแห่งความกล้า

และด้วยกฎของธรรมชาติ ถึงแม้จะเป็นอาณาจักรโรมันที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรก้องโลก แต่ก็ยังหลีกหนีจาก “ยุคตกต่ำ” ไม่ได้ Gucci เองก็เช่นเดียวกัน โดยในช่วงที่บริหารโดย Maurizio Gucci ทายาทคนสุดท้ายของตระกูล ไปจนถึงการเปลี่ยนมือสู่กลุ่มทุน ประวัติศาสตร์แบรนด์ Gucci ในช่วงเวลาดังกล่าวไม่น่าจดจำนัก แบรนด์ต้องเผชิญกับช่วงเวลาที่ไร้ทิศทาง อุปสรรคมากมายถาโถม Gucci จึงต้องการจุดเปลี่ยนที่จะเข้ามาพลิกโฉมแบรนด์ให้ตามความเร็วของโลกแฟชั่นยุคใหม่ได้ทัน โดยทีมบริหารได้มอบโอกาสแก่ดีไซเนอร์ชาวอเมริกันคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ในทีมอยู่แล้ว และเริ่มฉายแววโดดเด่นด้วยวิธีคิดที่แตกต่าง ชื่อของเขาคือ “Tom Ford”

Ford ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่ง Creative Director และเขาก็ไม่ได้เพียงแค่ดีไซน์เสื้อผ้า แต่สร้างโลกใบใหม่ให้กับ Gucci ด้วยทัศนคติอันเฉียบคมและความกล้าในการตีความคำว่า “เซ็กซี่” ใหม่ทั้งหมด เขาหยิบจิตวิญญาณของยุค 70s มาผสานกับความมินิมัลเฉียบขาดของยุค 90s จนเกิดเป็นลุคที่ทรงพลัง เย้ายวน และแฝงความลักซ์ชัวรีแบบที่ Gucci ไม่เคยมีมาก่อน

Ford พลิกโฉมประวัติศาสตร์แบรนด์ Gucci ในยุคของเขาให้กลายเป็น “ยุคทอง” อีกครั้ง พาแบรนด์พุ่งทะยานขึ้นแท่นผู้นำวงการแฟชั่นโลกแบบไม่มีใครตามทัน ยอดขายเติบโตอย่างน่าทึ่ง ทุกแฟชั่นโชว์ของ Gucci ถูกจับจ้อง เพราะไม่ใช่แค่แฟชั่น แต่คือปรากฏการณ์ที่ย้ำให้โลกรู้ว่าแบรนด์ Gucci สามารถ “ขับเคลื่อนวัฒนธรรม” ได้อย่างทรงพลังผ่านเสื้อผ้าและกระเป๋าของพวกเขา
ประวัติแบรนด์ Gucci นำมาสู่การสร้างสรรค์ลวดลายที่ไม่เหมือนใคร

Gucci บทใหม่ : ความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง

หลังจาก Tom Ford อำลาตำแหน่งในปี ค.ศ. 2004 ก็เหมือนกับเป็นการปิดฉากยุคสมัยแห่งความเซ็กซี่อย่างเป็นทางการ แต่แน่นอนว่าประวัติศาสตร์แบรนด์ Gucci ยังคงดำเนินต่อไป ด้วยจิตวิญญาณที่มุ่งมั่นเดินหน้าค้นหาภาษาดีไซน์ใหม่ ๆ ที่จะสะท้อนตัวตนของผู้คนในแต่ละยุคสมัย พร้อมสำรวจวิธีเชื่อมโยงระหว่างรากเหง้าความหรูหราแบบอิตาเลียนเข้ากับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

โดยอีกหนึ่งยุคที่น่าจดจำที่สุดของ Gucci คือช่วงเวลาที่แบรนด์อยู่ภายใต้การนำของ Alessandro Michele ดีไซเนอร์ผู้เปลี่ยน Gucci ให้กลายเป็นจักรวาลที่ไร้ขอบเขตทางอัตลักษณ์ เขาหลอมรวมกลิ่นอายวินเทจเข้ากับแฟชั่นร่วมสมัย เปิดพื้นที่ให้แฟชั่นเป็นภาษาสื่อสารของตัวตน Gucci จึงไม่ใช่แค่แบรนด์แฟชั่นอีกต่อไป แต่กลายเป็นวัฒนธรรมร่วมสมัยที่เต็มไปด้วยพลังความคิดสร้างสรรค์และการยืนหยัดในสิ่งที่เชื่อ

เรียกได้ว่า ต่อให้โลกหมุนเร็วขึ้น แต่ Gucci ก็ยังคงปรับจังหวะของตัวเองให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ได้ โดยไม่ทิ้งความพิถีพิถันอันเป็นดีเอ็นเอของแบรนด์ ลวดลาย GG ที่เป็นตำนาน งานฝีมือระดับสูง และกลิ่นอายอิตาเลียนแท้ยังคงอยู่ครบ เพียงแต่อยู่ในรูปแบบที่ทันสมัยขึ้นและตอบโจทย์ชีวิตปัจจุบันมากขึ้น

5 กระเป๋าไอคอนิกจาก Gucci กับดีไซน์สุดอมตะ

ตลอดเวลากว่าศตวรรษ Gucci ไม่ได้เพียงแต่รังสรรค์เสื้อผ้าที่กลายเป็นแรงบันดาลใจระดับโลก แต่ยังสร้าง “กระเป๋า” ที่กลายเป็นตำนานมากมายหลายรุ่น โดยหากคุณคือผู้ที่หลงใหลในดีไซน์หรูและต้องการลงทุนในไอเทมที่ไม่มีวันตกยุค นี่คือ 5 กระเป๋า Gucci ไอคอนิกที่ควรทำความรู้จัก

  • Gucci Bamboo 1947 : คงไม่ผิดนักถ้าจะบอกว่า Gucci สร้างประวัติศาสตร์ขึ้นมาได้เพราะกระเป๋ารุ่นนี้ โดย Gucci Bamboo 1947 โดดเด่นด้วยหูจับที่ทำจากไม้ไผ่แทนโลหะ ความสร้างสรรค์ที่ผสมผสานกับความหรูหรากลายเป็นซิกเนเจอร์ที่ยังคงสืบทอดมาจนปัจจุบัน
  • Gucci Jackie 1961 : ตั้งชื่อตามอดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง Jackie Kennedy กระเป๋าใบนี้โดดเด่นด้วยซิกเนเจอร์ฮาร์ดแวร์ทรงลูกสูบที่ฝาพับด้านหน้า Gucci นำรุ่นนี้กลับมาทำใหม่อีกครั้งในยุคของ Alessandro Michele โดยคงกลิ่นอายวินเทจไว้ พร้อมปรับดีไซน์ให้ทันสมัย ถือได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เป็นไอเทมที่ควรค่าแก่การสะสมอย่างแท้จริง
  • Gucci Dionysus : เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 กระเป๋า Dionysus คือการผสมผสานระหว่างดีไซน์คลาสสิกกับความลึกลับและศิลป์แฟนตาซี สะดุดตาด้วยอะไหล่โลหะรูปหัวเสือคู่ สื่อถึงเทพเจ้า Dionysus ตามตำนานกรีกที่ข้ามแม่น้ำบนหลังเสือ
    Gucci Horsebit 1955 : แรงบันดาลใจจากโลกของกีฬาขี่ม้า Horsebit คือซิกเนเจอร์ฮาร์ดแวร์ที่กลายเป็นเอกลักษณ์ของ Gucci มานานนับทศวรรษ กระเป๋ารุ่นนี้นำดีไซน์ดั้งเดิมจากยุค 50 กลับมาอีกครั้ง พร้อมสัดส่วนและรายละเอียดที่เหมาะกับชีวิตคนยุคใหม่ เป็นตัวแทนของความหรูหราแบบไร้กาลเวลา ที่ดูดีทั้งกับสูททางการและลุคแคชชวลในวันหยุด
  • Gucci GG Marmont : กระเป๋าที่โด่งดังสุดขีดในยุค 2010s โดดเด่นด้วยฮาร์ดแวร์โลโก้ GG คู่ในแบบแอนทีค และการเย็บลายเชฟรอนที่ดูโฉบเฉี่ยว GG Marmont มีหลายขนาด หลายสี และวัสดุ ทั้งแบบหนังเรียบ หนังนิ่ม หรือแม้แต่กำมะหยี่ เป็นไอเทมยอดฮิตที่ครองใจเหล่าแฟชั่นนิสต้าตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัว และยังคงเป็นหนึ่งในรุ่นขายดีที่สุดของ Gucci จนถึงทุกวันนี้

 

แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนผ่าน แต่อัตลักษณ์ของ Gucci ยังคงเปล่งประกายในฐานะงานศิลปะที่สะท้อนยุคสมัย โดยหากคุณคือเจ้าของกระเป๋า Gucci ที่พร้อมส่งต่อสู่เจ้าของคนใหม่ BRANDNAME VOYAGE คือปลายทางที่คุณไว้ใจได้ โดยเราพร้อมให้บริการรับซื้อกระเป๋า Gucci ทุกรุ่น ทุกสภาพ ไม่ว่าจะเป็นไอเทมวินเทจสุดคลาสสิกจากยุค Tom Ford หรือรุ่นยอดฮิตจากยุค Alessandro Michele ด้วยราคาที่เป็นธรรม พร้อมการประเมินอย่างโปร่งใสโดยทีมงานมืออาชีพ ให้คุณเปลี่ยนของสะสมเป็นมูลค่าได้ง่าย ๆ และมั่นใจในคุณภาพของบริการทุกขั้นตอน

เลือกชมสินค้าได้ที่เว็บไซต์ หรือเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าที่หน้าร้านทั้ง 3 สาขา ได้แก่

  • BRANDNAME VOYAGE – RAMA 9 (ตึก G Tower ชั้น B เชื่อมกับเซ็นทรัลพระราม 9)
  • BRANDNAME VOYAGE – RANGSIT (Future Park รังสิต ชั้น 1 โซน Robinson)
  • BRANDNAME VOYAGE – PHUKET (Robinson Lifestyle ถลาง ชั้น 1)

และ BRANDNAME VOYAGE – CHIANG MAI ถนนมงฟอร์ต อำเภอเมืองเชียงใหม่ (เฉพาะรับซื้อ)

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. History of GUCCI. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 จาก https://www.gucci.com/us/en/nst/history-of-gucci?srsltid=AfmBOop1qYJkYJsOuMcS0upmaTyQJUoV8RnMn3hEXkkTlx2i_8VZfUcp
Posted on Leave a comment

รวมรุ่นกระเป๋าใบเล็ก แบรนด์ดัง ที่สายแฟต้องมี

รวมรุ่นกระเป๋ามินิแบรนด์เนม ไซซ์เล็กแต่ฟังก์ชันจัดเต็ม

กระเป๋าใบเล็ก (Mini Bag) กลายเป็นไอเทมแบรนด์คู่ใจของสายแฟไปแล้วในยุคนี้ เพราะแม้จะตัวจิ๋ว แต่กลับเสริมลุคให้ดูเก๋ มีสไตล์ และที่สำคัญคือ คุ้มค่าแก่การลงทุน ไม่แพ้รุ่นใหญ่เลยทีเดียว ไม่ว่าจะใช้ถือออกงาน สะพายเฉียงในวันชิล ๆ หรือเป็นพร็อปถ่ายรูปสุดปัง กระเป๋าใบเล็กจากแบรนด์ดังต่างก็แข่งกันออกแบบรุ่นใหม่ที่ทั้งสวยและฟังก์ชันครบ

กระเป๋าใบเล็ก ไอเทมแฟชั่นทรงพลังจากแบรนด์เนม

ทำไมสาว ๆ ถึงหลงรัก “กระเป๋ามินิจากแบรนด์เนม” ?

กระแสกระเป๋าใบเล็ก เริ่มเป็นที่นิยมตั้งแต่ช่วงกลางปี ค.ศ. 2010 โดยมีแบรนด์ Jacquemus เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกเทรนด์ด้วยรุ่น Le Chiquito ที่เปิดตัวในปี ค.ศ. 2017 และกลายเป็นกระเป๋าไวรัลในโลกโซเชียลอย่างรวดเร็ว แบรนด์ใหญ่อย่าง Chanel, Dior และ Louis Vuitton ต่างก็ปรับไลน์กระเป๋าคลาสสิกให้มีไซซ์มินิ เพื่อจับกลุ่มนักสะสมและสายแฟชั่นที่ต้องการอะไรที่แตกต่าง

จุดเด่นของกระเป๋าใบเล็ก ๆ จากแบรนด์เนม

  • น้ำหนักเบา : พกพาง่าย ไม่เป็นภาระในการใช้งาน
  • แมตช์ง่าย : เข้ากับชุดได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเดรสหวาน หรือสูทเท่
  • เสริมลุคให้ดูแฟชั่นขึ้นทันที : แม้จะแต่งตัวเรียบ ๆ แต่ถือกระเป๋ามินิสักใบก็ทำให้ดูโดดเด่นขึ้นทันตา
  • Resale-Value ค่อนข้างสูง : หลายรุ่นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะรุ่นลิมิเต็ดหรือหายาก

รวมรุ่นกระเป๋าใบเล็ก ๆ จากแบรนด์ดังที่ห้ามพลาด

กระเป๋าใบจิ๋วจากแบรนด์เนมหรูต่าง ๆ กำลังกลายเป็นไอเทมที่ทรงพลัง ทั้งด้านแฟชั่นและมูลค่าในตลาดนักสะสม เพราะกระเป๋ามินิถูกแบรนด์ดีไซน์ให้มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป ทั้งในเรื่องของวัสดุ รายละเอียด และสไตล์การใช้งาน พร้อมเติมเต็มลุคให้ดูมีรสนิยมและทันสมัยได้อย่างลงตัว

กระเป๋าใบจิ๋วจากแบรนด์ Louis Vuitton

Louis Vuitton

  • Nano Speedy : ไอเทมคลาสสิกสุดไอคอนิกที่แปลงโฉมมาในเวอร์ชันจิ๋ว ดีไซน์เหมือนรุ่นใหญ่ทุกประการ ใช้งานได้จริงและเป็นที่ต้องการของนักสะสม
  • Mini Pochette Accessoires : กระเป๋าใบเล็กที่เหมาะสำหรับถือแทนคลัตช์ หรือใช้เก็บของเล็ก ๆ ภายในกระเป๋าหลัก
  • Multi Pochette Accessoires : ประกอบด้วยกระเป๋าหลายใบ ใช้งานได้หลากหลาย ทั้งถือและสะพาย พร้อมสายผ้าสุดชิค

กระเป๋าใบจิ๋วจากแบรนด์ Chanel

Chanel

  • Classic Mini Flap Bag : กระเป๋าถือใบเล็กที่คงความคลาสสิกของแบรนด์ ดีไซน์เหนือกาลเวลา มาพร้อมลายควิลต์ หนังแท้ และสายโซ่ทอง ดูหรูหราเหมาะกับทุกโอกาส ถือเป็นไอเทมต้องมีของสายสะสม
  • Vanity Case Mini : ทรงกล่องเครื่องแป้งสุดน่ารัก ขนาดเล็กพกง่าย เหมาะทั้งใช้จริงและเป็นพร็อปในลุคแฟชั่น
  • Wallet on Chain (WOC) : กระเป๋าสตางค์ที่สามารถสะพายได้ มาพร้อมฟังก์ชันครบ ทั้งช่องบัตรและซิป ดีไซน์เรียบหรูที่กลายเป็นกระเป๋าใบเล็ก ๆ ที่ใช้งานได้จริงในทุกวัน

กระเป๋าใบจิ๋วจากแบรนด์ dior

Dior

  • Lady Dior Micro : รุ่นจิ๋วของกระเป๋าไอคอนิกที่หรูหราแบบฉบับดิออร์ ประดับชาร์ม D.I.O.R เต็มรูปแบบ เป็น กระเป๋ามินิ แบรนด์ ที่สะท้อนความสง่างามอย่างไร้ที่ติ
  • Saddle Mini : ทรงอานม้าสุดโดดเด่นของ Dior ในขนาดเล็ก สะพายแล้วชิคมาก เหมาะกับสาวแฟที่ต้องการลุคแตกต่าง
  • Caro Mini : ดีไซน์ลายเย็บนุ่มฟู พร้อมสายโซ่ CD แบบหรู มีความแฟสูง ใช้งานได้ทั้งกลางวันและค่ำคืน

กระเป๋าใบเล็กคลาสสิกจากแบรนด์ Gucci โลโก้ทองคุ้นตา

Gucci

  • GG Marmont Super Mini : กระเป๋าใบเล็กสไตล์หวานผสมเท่ ใช้งานง่าย มีสายโซ่สะพายยาวและโลโก้ GG ด้านหน้า เพิ่มความโดดเด่นในลุคสบาย ๆ หรือออกงานก็ยังดูเก๋
  • Dionysus Super Mini : หัวเสือคู่เอกลักษณ์ของตระกูล Dionysus ในไซซ์จิ๋ว หนังแน่น ทรงแข็ง ถือหรือสะพายแล้วให้ฟีลคลาสสิกผสมพลังหญิงอย่างลงตัว

กระเป๋าใบเล็กคลาสสิกจากแบรนด์ Miu Miu

Miu Miu

  • Matelassé Mini Bag : โดดเด่นด้วยลายจีบหนังแบบ Matelassé ที่เป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ Miu Miu เหมาะกับสาวหวานที่ชอบความหรูแต่ไม่หวือหวา
  • Wander Mini Hobo Bag : กระเป๋าใบจิ๋วตัวจี๊ดจากแบรนด์ มาพร้อมทรงโฮโบ้สุดชิคจากยุค Y2K ที่ถูกย่อขนาดให้พกพาสะดวก สะพายไหล่แล้วได้ลุคสายแฟทันสมัย
  • Mini Bow Bag : กระเป๋ารุ่นหวานสุดในกลุ่ม มาพร้อมโบว์ประดับด้านหน้า เพิ่มความน่ารักแบบเจ้าหญิง เป็นกระเป๋ามินิที่สาวลุคเฟมินีนสเปกแบรนด์ Miu Miu ไม่ควรพลาด

กระเป๋าใบเล็กคลาสสิกจากแบรนด์ Prada

Prada

  • Re-Edition 2005 Mini Nylon Bag : กระเป๋าใบเล็ก ๆ ที่มาพร้อมวัสดุไนลอนน้ำหนักเบา ดีไซน์ย้อนยุคจากยุค 2000s ถือเป็นไอเทมยอดนิยมในหมู่วัยรุ่นและสายสตรีต
  • Cleo Mini : กระเป๋าถือใบเล็กโค้งมนเรียบหรูแบรนด์ Prada ที่มาพร้อมความมินิมอลแบบพรีเมียม แมตช์ได้ทุกโอกาส สำหรับใครที่ชอบลุคโต ดูเนี้ยบ แต่ Casual ในเวลาเดียวกัน ใบนี้ถือว่าตอบโจทย์
  • Galleria Mini : กระเป๋าถือใบเล็กจากแบรนด์ Prada ที่ทำจากหนัง Saffiano อันเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ ทำให้สามารถใช้งานได้ทุกวัน ทั้งถือและสะพาย

กระเป๋าใบเล็กคลาสสิกจากแบรนด์ Balenciaga

Balenciaga

  • Le Cagole XS : กระเป๋าใบจิ๋วที่มีกลิ่นอายสตรีตแบบจัดเต็ม ตกแต่งหมุดและพวงกระจกเสริมความแซ่บ สายแฟตัวจริงต้องมี
  • Hourglass Mini Bag : ดีไซน์ทรงโค้งเอกลักษณ์ มาพร้อมโลโก้ B ดูหรู เท่ และเฉียบ เหมาะกับสาวโมเดิร์นทุกลุค
  • Neo Classic Mini : เวอร์ชันอัปเกรดของ City Bag ในขนาดจิ๋ว เพิ่มดีเทลหนังเย็บตัดและซิปแน่น ๆ เหมาะสำหรับถือหรือสะพายทุกวัน

กระเป๋าใบเล็กคลาสสิกจากแบรนด์ Jacquemus

Jacquemus

  • Le Chiquito : ที่สุดของกระเป๋าใบจิ๋วที่กลายเป็นไวรัลของแบรนด์ ด้วยขนาดเล็กกะทัดรัด แต่มาพร้อมดีไซน์จัดจ้าน อีกทั้งขนาดหูจับยังใหญ่ ถือแล้วช่วยให้โดดเด่นทุกลุค
  • Le Bambino / Le Bambino Long : กระเป๋ามินิทรงสี่เหลี่ยมเรียบโก้ มีให้เลือกทั้งแบบสั้นและยาว เป็นสไตล์กระเป๋าแบบมินิมอลที่เหมาะกับการสะพายไหล่ในทุกวัน
  • Le Cuerda : กระเป๋าทรงเอกสารจิ๋ว ดีไซน์แบบ Unisex ใช้ได้ทั้งชายและหญิง มีความเรียบแต่อาร์ต เหมาะกับสาย Creative
  • Le Sac Rond : ปิดท้ายด้วยกระเป๋าใบเล็กทรงกลมสุดเก๋จากแบรนด์ มาพร้อมสายโซ่ ใช้เป็นพร็อปได้สวย หรือถือออกงานก็เพิ่มความสนุกให้ลุคเดรสซิ่ง

หากคุณกำลังมองหากระเป๋าใบเล็กแบรนด์หรู ทั้ง Louis Vuitton, Chanel, Dior และอีกมากมายในราคามือสองที่คุ้มค่า พร้อมการันตีของแท้ 100% ที่ BRANDNAME VOYAGE มีให้คุณครบตามความต้องการ รวมถึงพร้อมรับซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองด้วย สามารถเลือกชมสินค้าได้ที่เว็บไซต์ หรือเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าที่หน้าร้านกระเป๋าแบรนด์มือสองทั้ง 3 สาขา ได้แก่

  • BRANDNAME VOYAGE – RAMA 9 (ตึก G Tower ชั้น B เชื่อมกับเซ็นทรัลพระราม 9)
  • BRANDNAME VOYAGE – RANGSIT (Future Park รังสิต ชั้น 1 โซน Robinson)
  • BRANDNAME VOYAGE – PHUKET (Robinson Lifestyle ถลาง ชั้น 1)

และ BRANDNAME VOYAGE – CHIANG MAI ถนนมงฟอร์ต อำเภอเมืองเชียงใหม่ (เฉพาะรับซื้อ) ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. 35 designer handbags that will stand the test of time. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 จาก https://www.harpersbazaar.com/uk/fashion/shopping/g32573921/best-designer-handbags/
  2. The Top 12 Luxury Handbag Brands. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 จาก https://mygemma.com/blogs/news/top-12-luxury-handbag-brands
  3. Luxury Mini Bags That Are Worth the Splurge. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 จาก https://fromluxewithlove.com/best-luxury-mini-bags/
Posted on Leave a comment

3 ยี่ห้อกระเป๋าแบรนด์เนมฮิตตลอดกาล ซื้อเก็บไว้ไม่ขาดทุน

รวม 3 ยี่ห้อ กระเป๋าแบรนด์เนมที่ฮิตตลอดกาล

ถ้าพูดถึงโลกของกระเป๋าแบรนด์เนมที่ “ฮิตตลอดกาล” และเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราเหนือกาลเวลา จะต้องมี 3 แบรนด์ระดับตำนานที่แฟชั่นนิสต้าทั่วโลกให้ความยกย่องและเรียกว่า “Holy Trinity” ของวงการกระเป๋า นั่นก็คือ Hermès, Chanel และ Louis Vuitton แบรนด์เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สินค้าแฟชั่น แต่ยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าและเป็นตัวแทนของสไตล์คลาสสิกที่ไม่เคยตกยุค

กระเป๋าจาก 3 แบรนด์นี้ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะผ่านกี่ยุค กี่สมัย ด้วยคุณภาพระดับพรีเมียม ฝีมือช่างที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น และกลยุทธ์ทางการตลาดที่สร้างความต้องการอย่างยิ่งด้วยการผลิตจำนวนจำกัด ทำให้กระเป๋าเหล่านี้กลายเป็นมากกว่าแค่สินค้าแฟชั่น แต่เป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามกาลเวลา

กระเป๋าหรู 3 แบรนด์ยอดนิยม รวมรุ่นฮิตตลอดกาล

กระเป๋าแบรนด์ Hermès รุ่นฮิตตลอดกาล

1. Hermès – ความหรูหราเหนือกาลเวลา

Hermès ถือเป็นยอดแห่งวงการกระเป๋าหรู ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่า 180 ปี แบรนด์นี้มีชื่อเสียงจากการผลิตสินค้าหนังคุณภาพสูงสุด โดยเฉพาะกระเป๋าที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “การลงทุน” มากกว่าการซื้อสินค้าแฟชั่น

  • Birkin Bag คือสัญลักษณ์แห่งสถานะและการลงทุนขั้นสุด ตั้งชื่อตามนักร้องและนักแสดงชาวอังกฤษ Jane Birkin กระเป๋ารุ่นนี้ขึ้นชื่อว่าราคารีเซลพุ่งแรงที่สุดในตลาด มีบางรุ่นที่ขายได้มากกว่าราคาเดิมถึง 300-500% ด้วยรายการรอคิวที่อาจยาวนานหลายปี การได้ครอบครองกระเป๋า Birkin จึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จและสถานะทางสังคม
  • Kelly Bag ได้รับแรงบันดาลใจจากเจ้าหญิงเกรซ เคลลี่ แห่งโมนาโก ดีไซน์เรียบหรูที่เน้นความสง่างาม กระเป๋ารุ่นนี้มีความคลาสสิกจนกลายเป็นกระเป๋าที่สาว ๆ ทุกคนใฝ่ฝัน ความพิเศษของ Kelly อยู่ที่รายละเอียดและการออกแบบที่ไม่เปลี่ยนแปลงมาหลายทศวรรษ
  • Constance Bag โดดเด่นด้วยขนาดกะทัดรัด สะพายได้ทุกโอกาส จุดเด่นคือโลโก้ H ขนาดใหญ่ที่เป็นตัวล็อกสุดเก๋ไก๋ เหมาะสำหรับสาวที่ต้องการความหรูหราแต่ไม่ต้องการความใหญ่โต

ทำไมกระเป๋าแบรนด์ Hermès ถึงฮิตตลอดกาล : ด้วยนโยบายการผลิตจำนวนจำกัดที่ทำให้กระเป๋าแต่ละใบมีคุณค่า การใช้วัสดุคุณภาพสูงสุดจากหนังแท้ระดับพรีเมียม และฝีมือช่างที่สั่งสมมาหลายชั่วอายุคน ทำให้กระเป๋า Hermès รักษามูลค่าสูงได้ตลอดเวลา และแม้จะใช้งานนานก็ยังคงดูใหม่เหมือนเดิม
กระเป๋าแบรนด์ Chanel ที่ฮิตตลอดกาล

2. Chanel – ความคลาสสิกที่ไม่มีวันเก่า

Chanel ก่อตั้งโดย Gabrielle “Coco” Chanel ในปี ค.ศ. 1910 เป็นแบรนด์ที่ปฏิวัติแฟชั่นผู้หญิงด้วยการนำเสนอความสง่างามที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง สไตล์ของ Chanel ไม่เคยล้าสมัย ด้วยการผสมผสานระหว่างความเฟมินีนและความแข็งแกร่ง

  • Classic Flap Bag เป็นกระเป๋าสะพายที่ใครเห็นก็รู้ทันทีว่าเป็น Chanel ด้วยดีไซน์เปิด-ปิดด้วยตัวล็อก CC อันโดดเด่น พร้อมสายโซ่ที่สามารถสะพายได้หลายแบบ กระเป๋ารุ่นนี้ออกแบบโดย Karl Lagerfeld ในปี ค.ศ. 1983 และกลายเป็นไอคอนของแบรนด์ที่ยืนหยัดมากว่า 40 ปี
  • Boy Chanel เป็นคอลเลกชันที่ได้แรงบันดาลใจจาก Boy Capel คนรักของ Coco Chanel สไตล์เท่แต่ยังแฝงความหรู ถูกใจสาวยุคใหม่ที่ต้องการลุคทันสมัยแต่ยังคงความคลาสสิก ดีไซน์ที่เน้นเส้นสายเรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์
  • Chanel 19 ได้ชื่อมาจากวันเกิดของ Coco Chanel ซึ่งก็คือวันที่ 19 สิงหาคม และปีที่เปิดตัวกระเป๋ารุ่นนี้ ปี ค.ศ. 2019 ผสมความคลาสสิกเข้ากับความเฟมินีนในแบบใหม่ สะพายได้หลายแบบ ทั้งสะพายไหล่ สะพายข้าง หรือถือในมือ

ทำไมกระเป๋าแบรนด์ Chanel ถึงฮิตตลอดกาล : ด้วยดีไซน์เหนือกาลเวลาที่ไม่เคยตกแฟชั่น ประกอบกับนโยบายขึ้นราคาสินค้าใหม่ทุกปี ทำให้มูลค่าของสินค้ายังคงแข็งแกร่ง และความนิยมในตลาดรีเซลที่ดีในทุกแพลตฟอร์ม ทำให้การซื้อกระเป๋า Chanel เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า
กระเป๋าแบรนด์ Louis Vuittonรุ่นฮิต

3. Louis Vuitton – ลายโมโนแกรมที่โลกต้องจำ

Louis Vuitton ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1854 โดย Louis Vuitton เป็นแบรนด์ที่เริ่มต้นจากการผลิตกระเป๋าเดินทางสำหรับขุนนางฝรั่งเศส ก่อนจะพัฒนามาเป็นแบรนด์แฟชั่นชั้นนำของโลก ลายโมโนแกรม LV ที่โด่งดังได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราที่ทุกคนรู้จัก

  • Speedy เป็นไอคอนแรกของแบรนด์ ออกแบบในปี ค.ศ. 1930 ขนาดกะทัดรัด พกพาง่าย มีให้เลือกหลายไซซ์ตั้งแต่ Speedy 25, 30, 35 และ 40 ดีไซน์คลาสสิกที่ไม่เปลี่ยนแปลงมาเกือบศตวรรษ ทำให้เป็นกระเป๋าที่ผู้หญิงทุกยุคทุกสมัยสามารถใช้ได้
  • Neverfull เป็นกระเป๋าทรง Tote ที่จุของได้เยอะ ใช้ได้ทั้งทำงานและเดินทาง ออกแบบให้มีศักยภาพการใช้งานสูง ด้วยระบบเชือกรูดที่สามารถปรับขนาดได้ ความเรียบง่ายแต่หรูหราทำให้เป็นที่นิยมของสาวออฟฟิศและนักเดินทาง
  • Pochette Métis เป็นกระเป๋าสะพายรุ่นฮิตที่ครองใจสาว ๆ ยาวนานด้วยดีไซน์เรียบแต่หรู ผสมผสานระหว่างลายโมโนแกรมคลาสสิกกับรายละเอียดฮาร์ดแวร์สีทอง ขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งานประจำวัน

ทำไมกระเป๋าแบรนด์ Louis Vuitton ถึงฮิตตลอดกาล : ลายโมโนแกรมที่เป็นเอกลักษณ์และเป็นที่รู้จักทั่วโลก ความสามารถในการขายต่อที่รวดเร็ว และการเป็นรุ่นที่มักจะขาดตลาดเนื่องจากความต้องการที่สูง ทำให้การลงทุนในกระเป๋า Louis Vuitton เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดกระเป๋าแบรนด์ยอดนิยมยังคงมีมูลค่าสูง และเป็นที่ต้องการมาอย่างยาวนานเพราะคุณภาพและชื่อเสียงของแบรนด์

ทำไมกระเป๋าแบรนด์เหล่านี้ยังคงได้รับความนิยม ?

ความนิยมที่ยืนยาวของกระเป๋าจาก 3 แบรนด์นี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่มาจากหลายปัจจัยที่ผสมผสานกันอย่างลงตัว

ดีไซน์คลาสสิก ไม่ตามกระแส

แทนที่จะเปลี่ยนแปลงตามแฟชั่นแต่ละฤดูกาล แบรนด์เหล่านี้เลือกที่จะรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ ทำให้กระเป๋าที่ซื้อเมื่อ 10-20 ปีที่แล้วยังคงดูทันสมัยและใช้งานได้อย่างมีสไตล์ ดีไซน์คลาสสิกที่ไม่ตามกระแสจึงเป็นจุดแข็งหลักที่ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในการลงทุน

ผลิตด้วยวัสดุคุณภาพสูง ใช้งานได้นาน

การใช้วัสดุคุณภาพสูงสุดเป็นอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญ หนังแท้ระดับพรีเมียม ฮาร์ดแวร์ที่ผลิตด้วยความพิถีพิถัน และเทคนิคการเย็บที่ถ่ายทอดจากช่างฝีมือรุ่นสู่รุ่น ทำให้กระเป๋าเหล่านี้ใช้งานได้นานและยังคงสวยงามแม้จะผ่านกาลเวลามายาวนาน

มูลค่าขายต่อสูง เหมาะกับการลงทุน

มูลค่าการขายต่อที่สูงทำให้การซื้อกระเป๋าจากแบรนด์เหล่านี้กลายเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ในบางกรณี กระเป๋าบางรุ่นสามารถขายต่อได้ราคาสูงกว่าราคาที่ซื้อมา โดยเฉพาะรุ่นลิมิเต็ดอิดิชันหรือรุ่นที่เลิกผลิตแล้ว

เป็นที่รู้จักในระดับโลก ช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ผู้ถือ

การเป็นที่รู้จักในระดับโลกช่วยเพิ่มภาพลักษณ์ของผู้ถือ เมื่อใครเห็นกระเป๋าจากแบรนด์เหล่านี้ ก็จะรู้ทันทีถึงรสนิยมและฐานะของเจ้าของ การสร้างความประทับใจในที่ประชุมทางธุรกิจหรือการเข้าสังคมจึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผู้คนเลือกลงทุนกับกระเป๋าเหล่านี้

ในยุคที่แฟชั่นเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การเลือกลงทุนกับกระเป๋าจาก Hermès, Chanel และ Louis Vuitton จึงเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาด ไม่เพียงแต่จะได้ใช้งานสินค้าคุณภาพดีที่มีสไตล์เหนือกาลเวลา แต่ยังเป็นการลงทุนที่สามารถรักษาหรือเพิ่มมูลค่าได้ในอนาคต การเป็นเจ้าของกระเป๋าจากแบรนด์เหล่านี้จึงไม่ใช่แค่การซื้อสินค้า แต่เป็นการลงทุนในชิ้นงานศิลปะที่สามารถสวมใส่และใช้งานได้

หากคุณกำลังมองหา “กระเป๋าแบรนด์เนมฮิตตลอดกาล” ที่ทั้งสวยและคุ้มค่า หรืออยากขายต่อ/ฝากขายกระเป๋าแบรนด์เนม อย่างมั่นใจ แนะนำ BRANDNAME VOYAGE เพราะเรามีบริการรับซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม ประเมินราคาโดยผู้เชี่ยวชาญ ให้ราคาน่าพึงพอใจ
เลือกชมสินค้าได้ที่เว็บไซต์ หรือเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าที่หน้าร้านทั้ง 3 สาขา ได้แก่

  • BRANDNAME VOYAGE – RAMA 9 (ตึก G Tower ชั้น B เชื่อมกับเซ็นทรัลพระราม 9)
  • BRANDNAME VOYAGE – RANGSIT (Future Park รังสิต ชั้น 1 โซน Robinson)
  • BRANDNAME VOYAGE – PHUKET (Robinson Lifestyle ถลาง ชั้น 1)

และ BRANDNAME VOYAGE – CHIANG MAI ถนนมงฟอร์ต อำเภอเมืองเชียงใหม่ (เฉพาะรับซื้อ)

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. 35 designer handbags that will stand the test of time. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 จาก https://www.harpersbazaar.com/uk/fashion/shopping/g32573921/best-designer-handbags/
Posted on Leave a comment

วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค Gen Z กับตลาดสินค้าฟุ่มเฟือย

เปิดพฤติกรรมผู้บริโภค Gen Z คนรุ่นใหม่สายแกลม

“ติดแกลม” (Glamorous) คำพูดติดปากที่ไวรัลไปทั่วโซเชียลมีเดียคำนี้เป็นศัพท์ที่ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะตอนนี้ได้กลายมาเป็นค่านิยมของคน Gen Z ไปเสียแล้ว จากที่เมื่อก่อน ผู้บริโภคเลือกใช้สินค้าโดยคำนึงถึงความจำเป็นเป็นหลัก ปัจจุบัน คนรุ่นใหม่กลับเลือกสินค้าที่สามารถ “เล่าเรื่อง” ได้แทนคำพูด การแต่งกายทุกชุด กระเป๋าทุกใบ เครื่องประดับทุกชิ้น ล้วนนับเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้อนความคิด รสนิยม และภาพลักษณ์ของผู้สวมใส่ออกสู่โลกภายนอกอย่างชัดเจน ซึ่งหลายคนอาจเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า “สินค้าฟุ่มเฟือย”

กระเป๋าแบรนด์เนม เป็นสินค้าฟุ่มเฟือยที่ได้รับความนิยมในหมู่คน Gen Z

สินค้าฟุ่มเฟือยมีอะไรบ้าง ?

สินค้าฟุ่มเฟือย (Luxury Goods) คือ สินค้าที่ผู้บริโภคมีแนวโน้มจะซื้อเมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยไม่ได้เป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิต แต่สามารถแสดงออกถึงรสนิยม ฐานะ และภาพลักษณ์ในสังคมได้ สินค้าเหล่านี้จึงมักมีราคาสูง และผลิตภายใต้แนวคิดเรื่องคุณค่าเฉพาะตัว

แล้วสินค้าฟุ่มเฟือยมีอะไรบ้าง ? ตัวอย่างเช่น

  • เครื่องประดับ Fine Jewelry และ High Jewelry
  • เสื้อผ้าและกระเป๋าแบรนด์เนม
  • รถยนต์หรูระดับพรีเมียม
  • นาฬิกาจากแบรนด์ระดับโลก
  • อาหารและเครื่องดื่มระดับ Fine Dining เช่น กุ้งล็อบสเตอร์ ไวน์ชั้นดี

สินค้าเหล่านี้อาจเคยถูกมองว่า ฟุ่มเฟือยจริงสมชื่อ ทว่าปัจจุบัน สินค้าฟุ่มเฟือยไม่ได้มีไว้เพื่อโอ้อวดกันอีกต่อไป หากแต่เป็นของสะสม เป็นแรงบันดาลใจ และเป็นรางวัลที่คน Gen Z เลือกมอบให้ตัวเองอย่างตั้งใจ เพราะสำหรับกลุ่มคนรุ่นนี้แล้ว ความหรูหราไม่จำเป็นต้องหมายถึงความฟุ่มเฟือยเสมอไป เพราะสินค้าดังกล่าวต่างก็มีความหมายและสอดคล้องกับตัวตนที่พวกเขาภูมิใจ

ดังนั้น คำว่าสินค้าฟุ่มเฟือยสำหรับบางคนอาจแปลว่าเกินความจำเป็น แต่สำหรับ Gen Z กลับเป็นการเลือกอย่างตั้งใจเพื่อเติมเต็มประสบการณ์ชีวิต

หนึ่งในพฤติกรรมผู้บริโภค Gen Z คือ การซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยเพื่อเป็นรางวัลแก่ตนเอง

วิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค Gen Z กับการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย

กลุ่ม Gen Z เกิดระหว่างปี 1997-2010 (อ้างอิงจาก McKinsey & Company) ซึ่งเติบโตมากับเทคโนโลยีและโลกออนไลน์ ส่งผลให้พวกเขาคุ้นชินกับการเสพสื่อที่รวดเร็ว การเปรียบเทียบสินค้าและบริการระหว่างแบรนด์ต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ และการสร้างภาพลักษณ์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Instagram, TikTok โดยพฤติกรรมผู้บริโภค Gen Z เหล่านี้หล่อหลอมแนวทางการบริโภคที่แตกต่างจาก Generation ก่อนหน้าอย่างชัดเจน ดังนี้

ความถี่และมูลค่าการซื้อ

คน Gen Z มีแนวโน้มซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยบ่อยครั้ง แต่เป็นการใช้จ่ายอย่างมีเป้าหมาย เช่น เพื่อฉลองความสำเร็จ หรือมอบรางวัลให้ตัวเองในช่วงเวลาพิเศษ จากรายงานของ Bain & Company (2024) คาดว่า Gen Z จะกลายเป็นกลุ่มผู้บริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยเกือบหนึ่งในสามของตลาดภายในปี 2030 โดย Gen Z มีอิทธิพลเพิ่มขึ้นในตลาดสินค้าฟุ่มเฟือย แม้ปัจจุบัน กำลังซื้อจะยังน้อยกว่าคนรุ่นก่อน แต่จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอนาคต

การตัดสินใจซื้อด้วยตนเอง

แม้บางคนยังอยู่ในวัยนักศึกษา หรือเพิ่งเริ่มต้นทำงาน แต่คน Gen Z ส่วนใหญ่ตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องรอคำแนะนำจากผู้ปกครอง ซึ่งนอกจากจะซื้อตามกระแสนิยมแล้ว พวกเขายังมองว่าแบรนด์ที่เลือกควรสะท้อนตัวตนของผู้สวมใส่ได้ด้วย ไม่เช่นนั้นกระแสก็แทบไม่มีผลอะไรต่อการตัดสินใจ

ความพิถีพิถันในการเลือกสินค้า

พฤติกรรมผู้บริโภค Gen Z เน้นความ “คุ้มค่า” มากกว่าความฟุ่มเฟือย พวกเขามักใช้เวลาเปรียบเทียบข้อมูล รีวิว และราคาจากหลายแหล่งก่อนตัดสินใจซื้อสินค้า ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าแบรนด์เนม เสื้อผ้า หรือรองเท้า เพื่อให้ทุกการลงทุนได้มาซึ่งสินค้าที่ใช่ที่สุด

การใช้เทคโนโลยีและข้อมูล

Gen Z คือกลุ่ม Digital Native ที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี พวกเขาไม่ได้ค้นหาข้อมูลของแบรนด์แค่จาก Google เพียงอย่างเดียว แต่ยังใช้ TikTok, YouTube และ Instagram เพื่อค้นหารีวิวของสินค้า ทั้งจากเหล่า Influencer, KOL และผู้ใช้งานจริงทั่วไป เพื่อประกอบการตัดสินใจ

การบริโภคเพื่อประสบการณ์ที่ดี

สำหรับ Gen Z การซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยไม่ใช่แค่เพราะต้องการใช้สินค้าหรูหรา แต่เป็นเพราะต้องการสร้างประสบการณ์ที่มีความหมายและทำให้ตนเองรู้สึกดี เช่น การเลือกซื้อกระเป๋ารุ่นลิมิเต็ดที่ผลิตช่วง Seasonal เพื่อเป็นของสะสม หรือซื้อรองเท้าจากแบรนด์ที่ศิลปินที่ชอบเป็น Brand Ambassador
ในขณะเดียวกัน ยังมีพฤติกรรมผู้บริโภค Gen Z ที่เรียกว่า “Doom Spending” หรือการใช้จ่ายในช่วงเศรษฐกิจย่ำแย่เพื่อบรรเทาความเครียด เช่น ซื้อกระเป๋าใหม่เพื่อเป็นกำลังใจให้ตนเอง หรือเปลี่ยนลุคด้วยการแต่งตัวที่หรูขึ้นเล็กน้อยเพื่อเสริมความมั่นใจให้กลับคืนมา

หันมาใช้สินค้ามือสองมากขึ้น

ช่วงหลังมานี้ ตลาดสินค้ามือสองในหมู่คน Gen Z กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะในกลุ่มแฟชั่นแบรนด์เนม ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดงบประมาณ แต่ยังสะท้อนถึงทัศนคติเรื่องความยั่งยืนและการบริโภคอย่างมีจิตสำนึก ในสายตาของคน Gen Z คุณภาพของสินค้าแบรนด์เนมมือสองไม่ได้น้อยไปกว่าใบใหม่ในช็อป เพราะพวกเขาตระหนักดีว่าสินค้าของแบรนด์คุณภาพสูงเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่ยาวนานอยู่แล้ว ตลาดสินค้ามือสองสำหรับ Gen Z จึงเป็นการบริโภคที่สื่อถึงความเข้าใจในคุณค่าและความสามารถในการเลือกของคุณภาพดีในราคาที่เหมาะสม

หากคุณคือหนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่กำลังมองหากระเป๋าแบรนด์เนมใบแรก ใบใหม่ หรือใบถัดไปที่สามารถสะท้อนสไตล์และตัวตนของคุณได้อย่างแท้จริง BRANDNAME VOYAGE คือจุดหมายปลายทางที่คุณต้องการ ! ทั้งสำหรับผู้ซื้อที่อยากได้แบรนด์เนมแท้คุณภาพดีในราคาคุ้มค่า และผู้ขายที่ต้องการส่งต่อกระเป๋าใบเก่งให้แก่เจ้าของคนใหม่

ในฐานะร้านฝากขายกระเป๋าแบรนด์เนมที่เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภคในตลาดสินค้ามือสองอย่างลึกซึ้ง เราคัดสรรเฉพาะกระเป๋าแบรนด์เนมแท้ที่ยังคงคุณค่า และพร้อมให้บริการด้วยมาตรฐานระดับพรีเมียมทุกขั้นตอนโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในวงการแบรนด์เนม
เลือกชมสินค้าได้ที่เว็บไซต์ หรือเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าที่หน้าร้านทั้ง 3 สาขา ได้แก่

  • BRANDNAME VOYAGE – RAMA 9 (ตึก G Tower ชั้น B เชื่อมกับเซ็นทรัลพระราม 9)
  • BRANDNAME VOYAGE – RANGSIT (Future Park รังสิต ชั้น 1 โซน Robinson)
  • BRANDNAME VOYAGE – PHUKET (Robinson Lifestyle ถลาง ชั้น 1)

และ BRANDNAME VOYAGE – CHIANG MAI ถนนมงฟอร์ต อำเภอเมืองเชียงใหม่ (เฉพาะรับซื้อ)

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. What is Gen Z?. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 จาก https://www.mckinsey.com/featured-insights/mckinsey-explainers/what-is-gen-z.
  2. Gen Z consumers to constitute one-third of the luxury purchases by 2030: Bain & Co. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 จาก https://www.fashionatingworld.com/new1-2/gen-z-consumers-to-constitute-one-third-of-the-luxury-purchases-by-2030-bain-co.
  3. พฤติกรรมการบริโภคสินค้าของใช้ฟุ่มเฟือยของกลุ่มลูกค้า Gen Z ในเขตพื้นที่ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 จาก https://libdoc.dpu.ac.th/thesis/Lalynnita.Yen.pdf
Posted on Leave a comment

วิเคราะห์ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคารับซื้อ LV vs Gucci

ข้อมูลภาพรวมเรื่องราคารับซื้อ LV vs Gucci

ใครว่ากระเป๋าแบรนด์เนมมีไว้ถือเก๋ ๆ อย่างเดียว ?

ในวันที่แฟชั่นกับการลงทุนมาบรรจบกัน กระเป๋าแบรนด์เนมจึงไม่ได้เป็นแค่ของฟุ่มเฟือยอีกต่อไป แต่กลายเป็น “ทรัพย์สินทางเลือก” ที่ให้ผลตอบแทนได้จริง หลายคนจึงเริ่มซื้อกระเป๋าเหมือนซื้อหุ้น และแน่นอนว่า แบรนด์ยอดนิยมที่มักนำมาเปรียบเทียบกันอยู่เสมอก็คงหนีไม่พ้น Louis Vuitton กับ Gucci สองไอคอนที่ไม่ใช่แค่แข่งกันเรื่องดีไซน์ แต่ยังแข่งกันเรื่องราคาปล่อยต่อในตลาดรีเซลอีกด้วย คำถามคือเมื่อเปรียบเทียบราคารับซื้อระหว่าง LV vs Gucci แล้ว แบรนด์ไหนน่าลงทุนกว่ากัน

กระเป๋าแบรนด์เนมที่ควรซื้อหลากหลายแบรนด์วางอยู่ในตู้โชว์

 

Louis Vuitton ผู้ครองตำแหน่ง Top Tier เรื่องราคารับซื้อ

กระเป๋าแบรนด์เนมที่ควรซื้อ Louis Vuitton
หนึ่งในคุณสมบัติที่ทำให้ Louis Vuitton ยืนหนึ่งเป็นกระเป๋าแบรนด์เนมที่ควรซื้อในมุมมองด้านการลงทุนคือ “ความมั่นคงของมูลค่า” ที่แทบไม่ผันผวน แม้เวลาจะผ่านไปก็ตาม

  • ไม่เคยเซล ไม่เคยลดราคา คือคำที่นิยาม LV ได้ชัดเจนที่สุด ความเด็ดขาดนี้เองที่ทำให้ LV เป็นแบรนด์กระเป๋าราคาไม่ตก ไม่เสื่อมมูลค่าในตลาดมือสอง
  • รุ่นยอดนิยมอย่าง Speedy, Neverfull และ Pochette Metis กลายเป็นตัวแทนของกระเป๋าระดับ “Gold Standard” ที่สามารถปล่อยต่อได้ในราคาประมาณ 70-90% ของราคาป้าย แม้ใช้งานมาแล้วหลายปี
  • ความนิยมในแพตเทิร์น Monogram คือข้อได้เปรียบอีกอย่าง ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราเหนือกาลเวลา ทำให้กระเป๋ารุ่นเหล่านี้ “ไม่มีวันตาย” บนชั้นวางของร้านรับซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม

LV จึงเป็นมากกว่าเครื่องประดับ หากแต่คือทรัพย์สินชนิดหนึ่ง ที่ไม่ว่าจะหยิบไปใช้หรือวางไว้ในกล่อง ก็ยังเก็บคุณค่าเอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่น

Gucci ดีไซน์จัดจ้าน แต่มูลค่าระยะยาวอาจผันผวน

กระเป๋าแบรนด์เนมที่ควรซื้อ Gucci
ในทางตรงข้าม Gucci เป็นแบรนด์ที่มีเสน่ห์ในแง่ของ “แฟชั่นจัดจ้าน” ที่ไม่เคยตามใคร ด้วยแนวทางที่กล้าท้าทาย สร้างแรงกระเพื่อมให้วงการแฟชั่นได้แทบทุกซีซัน

  • หลายรุ่นยอดนิยมล้วนเคยเป็นกระเป๋าแห่งยุค ที่ทุกคนอยากครอบครองอย่าง GG Marmont, Dionysus และ Jackie 1961
  • หลายรุ่นกลับเงียบหายไปจากตลาดรีเซลในเวลาอันสั้น เมื่อกระแสจบลง ความจัดจ้านนี้จึงกลับกลายเป็นดาบสองคม เพราะไม่สามารถยืนระยะได้ดีเหมือนรุ่นคลาสสิกของแบรนด์อื่น
  • Gucci มักจะมีคอลเลกชันใหม่ ๆ ออกมาบ่อย จึงทำให้บางรุ่นตกเทรนด์ได้ง่าย และความต้องการในตลาดรองลดลงอย่างรวดเร็ว

ด้วยเหตุนี้ ความเสี่ยงของ Gucci จึงอยู่ที่ “ความเป็นแฟชั่น” ที่เดินเร็วเกินไปสำหรับการลงทุนระยะยาว และ “ความไม่แน่นอน” ของความนิยมในตลาด

ความนิยมในระดับโลกและความต้องการของตลาดรีเซล

หากเราเปรียบเทียบราคารับซื้อระหว่าง LV vs Gucci ในมุมของ Global Resale Trend แล้ว Louis Vuitton ยังคงครองแชมป์เรื่อง “การคงมูลค่า” อย่างสม่ำเสมอ

  • แพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง The RealReal, Vestiaire Collective, และ Rebag ต่างจัดอันดับให้ Louis Vuitton เป็นแบรนด์ที่มี Resale Retention Value สูงสุด หลายปีติดต่อกัน
  • รายงานจาก Rebag ยังเผยว่า LV อยู่ในหมวด “High Investment Grade” ขณะที่ Gucci อยู่ในระดับ “Moderate”
  • เช่นเดียวกับในประเทศไทย ถ้าเราถือกระเป๋า LV กับ GUCCI เข้าไปในร้าน มีแนวโน้มสูงที่ร้านจะบอกว่า “LV ขายง่าย ขายไว ขายได้ราคา” มากกว่า Gucci โดยเฉพาะรุ่น Monogram ที่กลายเป็นเหมือน “ทองคำแท่ง” ของตลาดกระเป๋ามือสอง

กระเป๋าแบรนด์เนมที่ควรซื้อวางเรียงรายอย่างหรูหรา

สรุปชัด ๆ ลงทุนแบรนด์ไหนดี ?

ถ้าคุณมองว่ากระเป๋าแบรนด์เนมไม่ใช่แค่แฟชั่นไอเทม แต่คือ “สินทรัพย์” ที่สามารถเก็บมูลค่าหรือแม้แต่ต่อยอดเป็นผลกำไรในอนาคต Louis Vuitton คือกระเป๋าแบรนด์เนมที่ควรซื้อมากกว่า ทั้งด้วยความแข็งแกร่งของแบรนด์ ราคาป้ายที่ไม่เคยลด ดีไซน์ที่ไม่ตกยุค และความต้องการในตลาดรีเซลที่ไม่มีวันแผ่ว ทำให้ LV เปรียบเสมือน “ทองคำแท่ง” ในโลกแฟชั่น ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด ก็ยังคงมีคนรอซื้อเสมอ

ในขณะที่ Gucci แม้จะเปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว และมีรุ่นฮิตที่สามารถขึ้นแท่น It Bag ได้ในชั่วข้ามคืน แต่ก็มีความผันผวนสูงในระยะยาว โดยกระเป๋าหลายรุ่นกลายเป็นเทรนด์ชั่วคราวที่อาจหายไปจากเรดาร์ของตลาดรีเซลได้อย่างรวดเร็ว
สรุปง่าย ๆ :

  • LV = ทองคำแท่ง – มั่นคง คงมูลค่า ขายต่อได้เสมอ
  • Gucci = บิตคอยน์ – เสี่ยงสูง กำไรเร็ว แต่ต้องตามกระแสให้ทัน

ไม่ว่าจะ LV หรือ Gucci ถ้าอยากขายได้ราคาดีแบบไม่ต้องลุ้นว่าจะโดนร้านกดราคาต้องที่ BRANDNAME VOYAGE ศูนย์กลางซื้อขายสินค้าแบรนด์เนมมือสองอันดับ 1 ที่ให้ราคายุติธรรม มีบริการรับซื้อ ขาย และฝากขายกระเป๋าแบรนด์เนม พร้อมให้คำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญด้านแบรนด์เนมโดยเฉพาะ เลือกชมสินค้าได้แล้ววันนี้ที่เว็บไซต์ หรือเข้ามาเยี่ยมชมสินค้าที่หน้าร้านทั้ง 2 สาขา ได้แก่ G Tower Rama 9 ชั้น B (ทางเชื่อมเซ็นทรัลพระราม 9) และ Future Park รังสิต ชั้น 1 โซน Robinson หรือติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Get Your Bag: These Are the Handbags With the Highest Resale Values. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 จาก https://www.vogue.com/article/bags-with-the-best-resale-value
  2. Gucci and Louis Vuitton Have Stayed on Top for 20 Years. สืบค้นเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 จาก https://www.businessinsider.com/how-gucci-louis-vuitton-became-two-most-valuable-luxury-brands-2020-01