สินค้าแบรนด์เนมมักถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหรา ความสำเร็จ และสถานะในสังคม ไม่เพียงแต่ผู้บริโภคที่หลงใหลในสินค้าเหล่านี้ นักลงทุนเองก็ให้ความสนใจในการลงทุนในหุ้นที่ผลิตสินค้าแบรนด์เนม เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้แสดงถึงศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก บทความนี้จะพาไปเจาะลึกถึงบริษัทที่เป็นเจ้าของสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำ พร้อมทั้งแนะนำแนวทางการเลือกหุ้นในอุตสาหกรรมนี้
สินค้าแบรนด์เนมเป็นมากกว่าสินค้าฟุ่มเฟือย แต่เป็น “เครื่องแสดงสถานะทางสังคม” ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงมักให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์และคุณค่าของแบรนด์ ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ความต้องการสินค้ากลุ่มนี้ยังคงมีอยู่ และมักจะเติบโตอย่างต่อเนื่องในกลุ่มลูกค้าระดับบน
ตลาดเกิดใหม่ เช่น จีน อินเดีย และตะวันออกกลาง เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของอุตสาหกรรมสินค้าแบรนด์เนม เนื่องจากชนชั้นกลางรวมถึงเศรษฐีในประเทศเหล่านี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ความต้องการสินค้าแบรนด์หรูขยายตัว
หุ้นในกลุ่มสินค้าแบรนด์เนมมักมีอำนาจในการตั้งราคาสูง (Pricing Power) เนื่องจากลูกค้าไม่ได้ตัดสินใจซื้อสินค้าหรูหราโดยดูจากราคาเป็นหลัก แต่คำนึงถึงคุณค่าและภาพลักษณ์ของแบรนด์ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมบริษัทเหล่านี้จึงสามารถขึ้นราคาสินค้าได้ทุกปีโดยไม่ส่งผลกระทบต่อยอดขาย
ในช่วงที่เงินเฟ้อสูง ราคาสินค้าทั่วไปอาจได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น แต่สินค้าแบรนด์เนมสามารถปรับราคาขึ้นได้โดยไม่กระทบกับอุปสงค์มากนัก ส่งผลให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถรักษาอัตรากำไรได้อย่างแข็งแกร่ง
ถ้าคุณต้องการลงทุนในหุ้นที่ผลิตสินค้าแบรนด์เนมระดับโลก แน่นอนว่ามีหุ้นหลายตัวที่โดดเด่นในอุตสาหกรรมนี้ โดยแต่ละบริษัทมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน โดยเราจะพาไปทำความรู้จักกับบริษัทหลัก ๆ ที่น่าสนใจ และเหตุผลว่าทำไมหุ้นเหล่านี้จึงได้รับการจับตามองจากนักลงทุนทั่วโลก
LVMH ถือเป็นหุ้นบริษัทสินค้าแบรนด์เนมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นเจ้าของแบรนด์ดังมากมายที่ครอบคลุมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์หรูหรา ตั้งแต่แฟชั่นไปจนถึงไวน์และสุรา
Hermès เป็นบริษัทที่ขึ้นชื่อในเรื่องการรักษาความหายากของสินค้า ทำให้แบรนด์สามารถคงมูลค่าได้สูงแม้ผ่านไปหลายสิบปี
Kering คือบริษัทที่มีพอร์ตแบรนด์แฟชั่นระดับไฮเอนด์ เช่น Gucci, Balenciaga, Saint Laurent และ Bottega Veneta
Richemont เป็นบริษัทระดับ ‘เพชรยอดมงกุฎ’ ในสินค้ากลุ่ม เครื่องประดับและนาฬิกา โดยถือครองแบรนด์ดัง เช่น Cartier, Van Cleef & Arpels, Piaget, IWC และ Jaeger-LeCoultre
Prada คือแบรนด์ที่ได้รับความนิยมในหมู่ Millennials และ Gen Z โดยเน้นกลยุทธ์ด้านดิจิทัลและการตลาดที่เข้าถึงคนรุ่นใหม่
จากข้อมูลข้างต้น เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยที่ไม่มีการกล่าวถึงชื่อ Chanel ออกไป ทั้ง ๆ ที่เป็นหนึ่งในแบรนด์หรูที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก เหตุก็คือ เราไม่สามารถลงทุนหุ้น Chanel ได้ เนื่องจาก Chanel เป็นบริษัทเอกชนที่ไม่ได้อยู่ในเครือของบริษัทมหาชนใด ๆ โดยแบรนด์นี้อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูล Wertheimer ซึ่งเป็นทายาทของ Pierre Wertheimer หุ้นส่วนทางธุรกิจของ Coco Chanel ในอดีต โดยแทนที่จะจดทะเบียนในตลาดหุ้น Chanel เลือกที่จะดำเนินธุรกิจในรูปแบบ Private Company เพื่อรักษาเอกลักษณ์ของแบรนด์และไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลทางการเงินต่อสาธารณะ
หุ้นของบริษัทสินค้าแบรนด์เนมแต่ละตัวมีลักษณะที่แตกต่างกัน การเลือกลงทุนในหุ้นที่ผลิตสินค้าแบรนด์เนมจึงต้องใช้ปัจจัยหลายอย่างมาประกอบกัน ดังนี้
นอกจากการลงทุนในหุ้นที่ผลิตสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำ คุณยังสามารถเริ่มต้นการลงทุนในสินค้าแบรนด์เนมด้วยการซื้อ-ขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง โดยสำหรับใครที่มีกระเป๋าแบรนด์เนมของแท้ และอยากเปลี่ยนเป็นเงินสด ขอแนะนำ BRANDNAME VOYAGE ร้านฝากขายแบรนด์เนมมือสองของแท้ในไทย พร้อมจำหน่ายในราคาที่เป็นกลาง ประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในวงการแบรนด์เนมมาอย่างยาวนาน ติดต่อผ่านเว็บไซต์ หรือเข้ามาที่หน้าร้านทั้ง 2 สาขาหลักของเรา ได้แก่ เซ็นทรัลพระราม 9, ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และเชียงใหม่ (รับซื้ออย่างเดียว) หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ข้อมูลอ้างอิง
By joining Brandname Voyage, you agree to the Terms of Service, Cookie Policy, and to receive promotional emails.
By joining Brandname Voyage, you agree to the Terms of Service, Cookie Policy, and to receive promotional emails.