Posted on Leave a comment

เปรียบเทียบข้อดีก่อนซื้อแบรนด์เนม ซื้อที่เมืองนอกหรือไทยดี ?

เทรนด์การซื้อแบรนด์เนม เลือกซื้อที่ไหนดี

การซื้อแบรนด์เนมกลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ดังนั้น การตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมให้คุ้มค่าที่สุดจึงเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจ และเนื่องจากการลงทุนในสินค้าแบรนด์เนมแต่ละชิ้นต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อย ผู้ซื้อจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าควรเลือกซื้อจากที่ใดจึงจะได้ประโยชน์สูงสุด ที่ผ่านมา หลายคนคงชั่งใจว่าจะซื้อแบรนด์เนมที่เมืองนอกหรือไทยดี เพราะใคร ๆ ก็คงอยากได้ของดีในราคาที่จ่ายน้อยกว่า แต่จะเลือกซื้อที่ไหนถึงจะคุ้มค่าที่สุด ? เรามีคำตอบ

ซื้อแบรนด์เนมที่เมืองนอกหรือไทยดี มีข้อดีข้อเสียต่างกัน

1. การซื้อแบรนด์เนมที่เมืองนอก ความคุ้มค่าที่ไม่ควรมองข้าม

ราคาถูกกว่า

การซื้อแบรนด์เนมในต่างประเทศมักมีราคาถูกกว่าในประเทศไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉลี่ยแล้วราคาจะต่ำกว่าประมาณ 20-30% เนื่องจากเป็นการซื้อจากประเทศต้นกำเนิดของแบรนด์ หรือเป็นตัวแทนจำหน่ายโดยตรง ไม่ต้องผ่านการนำเข้าและเสียค่าใช้จ่ายในการขนส่งหลายทอด

นอกจากนี้ หลายประเทศมีระบบคืนภาษีที่เอื้อประโยชน์แก่นักท่องเที่ยว เช่น ในประเทศฝรั่งเศสสามารถขอคืนภาษีได้ถึง 12% ส่วนในสิงคโปร์สามารถขอคืนได้ถึง 7% ของราคาสินค้า ยิ่งไปกว่านั้น หากซื้อในช่วงเทศกาลลดราคา เช่น Winter Sale หรือ Summer Sale ก็จะยิ่งได้ราคาที่ถูกลงไปอีก

รุ่นและสีที่หลากหลาย

ร้านค้าในต่างประเทศมักได้รับคอลเลกชันใหม่ล่าสุดก่อนประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะในเมืองแฟชั่นอย่างปารีส มิลาน หรือนิวยอร์ก นอกจากนี้ยังมีสินค้ารุ่นพิเศษที่ผลิตจำนวนจำกัด (Limited Edition) ซึ่งมักจะวางจำหน่ายเฉพาะในประเทศหลัก ๆ เท่านั้น

การเลือกซื้อที่ต่างประเทศจึงเปิดโอกาสให้ได้เป็นเจ้าของสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งในแง่ของสีสัน รูปแบบ และขนาดที่หลากหลายกว่า บางครั้งอาจพบสินค้าที่ไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย ทำให้ได้ไอเทมที่แปลกใหม่และโดดเด่น

นอกจากนั้น การเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมในต่างประเทศ ยังอาจช่วยให้ได้สินค้าที่ขายดีจนขาดตลาดในประเทศไทยมาครอบครองอีกด้วย เพราะรุ่นหรือสีนั้น ๆ อาจไม่ได้เป็นที่นิยมมากนักในต่างประเทศ

เกร็ดความรู้สำหรับสายช็อปแบรนด์เนม

<H2>ประเทศอังกฤษ จุดหมายยอดนิยมสำหรับนักช็อปแบรนด์เนม

หากคุณกำลังวางแผน “ไปอังกฤษซื้อกระเป๋าอะไรดี” ต้องบอกว่าอังกฤษเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับนักช็อปแบรนด์เนม โดยเฉพาะในกรุงลอนดอนที่รวบรวมแบรนด์ดังระดับโลกไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ท้องถิ่นอย่าง Burberry หรือ Mulberry แบรนด์เก่าแก่ที่โด่งดัง ซึ่งมีราคาถูกกว่าในไทยถึง 20-30%

นอกจากนี้ ยังมีห้างดังอย่าง Harrods ในย่าน Knightsbridge และ Selfridges บน Oxford Street ที่รวบรวมแบรนด์หรูไว้อย่างครบครัน หรือจะเป็น Bicester Village เอาต์เล็ตที่มีส่วนลดตลอดทั้งปีสูงถึง 60% โดยเฉพาะในช่วง Boxing Day Sale และ Summer Sale ที่ลดราคาสูงสุดถึง 70% พร้อมสิทธิประโยชน์การขอคืนภาษี VAT อีก 20% สำหรับนักท่องเที่ยว ทำให้การช็อปปิงในอังกฤษคุ้มค่าและน่าสนใจเป็นอย่างมาก

ไปอังกฤษซื้อกระเป๋าอะไรดี อาจเลือกซื้อ แบรนด์ท้องถิ่นอย่าง Burberry หรือ Mulberry

2. การซื้อแบรนด์เนมในไทย ความสะดวกและการรับประกัน

ไม่ต้องเสี่ยงกับการโดนหลอกลวง

การซื้อสินค้าแบรนด์เนมในประเทศไทยผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ มีข้อดีในแง่ของความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือสูง เนื่องจากสินค้าทุกชิ้นผ่านการนำเข้าอย่างถูกต้องตามกฎหมายและมีใบรับรองความแท้จากแบรนด์ ผู้ซื้อจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกหลอกขายของปลอม ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในการซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ หรือจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือในต่างประเทศ นอกจากนี้ ร้านค้าในไทยยังมีระบบการตรวจสอบสินค้าที่เข้มงวด และมีการรับประกันคุณภาพที่ชัดเจน

บริการหลังการขายที่สะดวก

จุดเด่นสำคัญของการซื้อแบรนด์เนมในประเทศไทย คือ การบริการหลังการขายที่ครบวงจรและเข้าถึงได้ง่าย หากสินค้ามีปัญหาหรือต้องการซ่อมแซม สามารถนำมาใช้บริการได้ทันทีที่ร้านสาขาในประเทศ โดยไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการส่งกลับไปซ่อมที่ต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลรักษาสินค้า และการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมสำหรับการดูแลสินค้าแต่ละประเภท

3. การเลือกช่องทางการซื้อที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

พิจารณาความต้องการส่วนตัว

การคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจซื้อแบรนด์เนม โดยเฉพาะการซื้อจากต่างประเทศ นอกจากราคาสินค้าแล้ว ยังต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ เช่น ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่าประกันการเดินทาง และค่าธรรมเนียมบัตรเครดิตต่างประเทศ

ในกรณีที่ซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ ต้องคำนึงถึงค่าขนส่งระหว่างประเทศและภาษีนำเข้า ซึ่งอาจทำให้ราคารวมสูงกว่าการซื้อในประเทศไทย นอกจากนี้ ควรพิจารณาอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ เพราะความผันผวนของค่าเงินอาจส่งผลต่อราคาสุดท้ายที่ต้องจ่าย

BRANDNAME VOYAGE ร้านฝากขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองของแท้ในไทย พร้อมจำหน่ายในราคาที่เป็นกลาง ประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในวงการแบรนด์เนมมาอย่างยาวนาน ติดต่อผ่านเว็บไซต์ หรือเข้ามาที่หน้าร้านทั้ง 2 สาขาหลักของเรา ได้แก่ เซ็นทรัลพระราม 9, ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และเชียงใหม่ (รับซื้ออย่างเดียว) หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Luxury fashion shopping abroad: A guide to FX. สืบค้นเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 จาก https://equalsmoney.com/blog/luxury-fashion-shopping-abroad-a-guide-to-fx
Posted on Leave a comment

SA คือตำแหน่งอะไร ? เผยบทบาทผู้สร้างประสบการณ์ในโลกแบรนด์เนม

ในโลกของสินค้าแบรนด์เนมที่เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งความคลาสสิกและความล้ำค่า ทุกประสบการณ์การช็อปปิงล้วนออกแบบมาเพื่อสร้างความประทับใจแก่ลูกค้าตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้าสู่ร้าน ซึ่งความประทับใจดังกล่าวไม่ได้เกิดจากความสวยงามและหรูหราของสินค้าเพียงอย่างเดียว ทว่ายังมาจากบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นผู้เชื่อมต่อระหว่างแบรนด์กับลูกค้าอย่างใกล้ชิด ได้แก่ SA หรือ Sales Associate

SA คือตำแหน่งตัวแทนของแบรนด์ที่ทำหน้าที่ขายและนำเสนอสินค้า

SA คือตำแหน่งอะไร ?

SA หรือ Sales Associate คือ ตำแหน่งที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าในร้านแบรนด์เนม โดยหน้าที่หลักไม่เพียงแต่แนะนำสินค้าเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการให้คำปรึกษาที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า การสร้างความสัมพันธ์อันดี และการเสริมสร้างภาพลักษณ์ให้แก่แบรนด์อย่างเป็นมืออาชีพ ตำแหน่งนี้จึงถือเป็นหัวใจสำคัญที่สะท้อนทั้งความหรูหราของแบรนด์ และความใส่ใจในรายละเอียดที่เป็นเอกลักษณ์ของวงการสินค้าแบรนด์เนม

ในแต่ละวัน SA จะต้องเผชิญกับลูกค้าหลากหลายกลุ่ม ตั้งแต่ผู้ที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของแบรนด์ ไปจนถึงลูกค้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มเข้าสู่โลกของสินค้าแบรนด์เนม และยังไม่รู้ว่า SA คือตำแหน่งอะไร ด้วยเหตุนี้ ทักษะในการสื่อสาร ความรู้ในสินค้า และการปรับตัวให้เข้ากับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายจึงเป็นทักษะที่สำคัญมากสำหรับคนที่เป็น SA

บทบาทสำคัญของ SA ในวงการสินค้าแบรนด์เนม

เมื่อได้รู้กันไปแล้วว่า SA คือตำแหน่งอะไร ซึ่งนอกจากการเป็นผู้ขายสินค้าแล้ว SA ยังต้องสามาถสะท้อนตัวตนของแบรนด์ได้ ผ่านบทบาทหน้าที่ต่อไปนี้

เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของลูกค้า (Personal Stylist)

ในวงการสินค้าแบรนด์เนม หากถามว่า SA คือตำแหน่งอะไร ก็คงไม่ผิดนักหากจะตอบว่าเป็น Personal Stylist ที่ช่วยให้ลูกค้าค้นพบสินค้าที่ตรงกับความต้องการและสไตล์ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำกระเป๋าที่เหมาะสำหรับโอกาสพิเศษ หรือการเลือกเสื้อผ้าที่เข้ากับบุคลิกและรสนิยม ดังนั้น SA ทุกคนจะต้องมีความเข้าใจในสินค้าอย่างลึกซึ้ง รวมถึงติดตามเทรนด์แฟชั่นล่าสุดเพื่อให้คำแนะนำที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือ

เป็นผู้สร้างประสบการณ์อันน่าประทับใจ (Experience Creator)

ลูกค้าที่มาช็อปปิงสินค้าแบรนด์เนมไม่ได้คาดหวังเพียงตัวสินค้าเท่านั้น แต่พวกเขายังถือว่าตนเองได้ลงทุนเพื่อซื้อประสบการณ์ด้วย การบริการของ SA จึงต้องสะท้อนถึงความหรูหราและความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ตั้งแต่การทักทายลูกค้าอย่างอบอุ่น การนำเสนอสินค้าอย่างเป็นมืออาชีพ ไปจนถึงการห่อสินค้าด้วยความประณีต

เป็นผู้ดูแลความสัมพันธ์กับลูกค้า (Relationship Manager)

ในโลกของสินค้าแบรนด์เนม ความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และลูกค้าเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างยิ่ง หากสงสัยว่า SA คือตำแหน่งอะไร ก็ตอบได้ว่ามีบทบาทเป็นเหมือน Relationship Manager ที่คอยดูแลความสัมพันธ์นี้ให้แน่นแฟ้นและยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการจดจำความชอบและความต้องการเฉพาะของลูกค้า การแจ้งข่าวสารเกี่ยวกับสินค้าหรือโปรโมชันใหม่ ๆ หรือแม้กระทั่งการส่งข้อความส่วนตัวเพื่อแสดงความขอบคุณหลังการซื้อสินค้า เป็นต้น

เป็นผู้เชี่ยวชาญในสินค้าแบรนด์เนม

แน่นอนว่า SA ที่ดีต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในสินค้าแบรนด์เนม ทั้งในด้านความรู้เกี่ยวกับคุณสมบัติและวัสดุของสินค้า เทคนิคการดูแลรักษา และเรื่องราวเบื้องหลังที่มาของแต่ละชิ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้า แต่ยังช่วยให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจในการเลือกซื้อสินค้ากับแบรนด์นั้น ๆ อีกด้วย

SA ร้านรับซื้อแบรนด์เนมมือสอง ตรวจเช็กสภาพนาฬิกา

คุณสมบัติที่ SA ที่ดีควรมี

มีความเข้าใจในแบรนด์และเทรนด์แฟชั่น

SA ต้องมีความรู้เกี่ยวกับแบรนด์ที่ตนเองเป็นตัวแทน และติดตามเทรนด์แฟชั่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเหมาะสม ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้า ทว่ายังช่วยกระชับความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและแบรนด์ให้ยั่งยืน อันจะส่งผลให้ลูกค้ารู้สึกอยากกลับมาใช้บริการซ้ำอย่างต่อเนื่องอีกด้วย

มีทักษะในการสื่อสารที่ดี

SA มืออาชีพต้องสามารถสื่อสารได้อย่างมั่นใจและน่าเชื่อถือ ตั้งแต่การแนะนำสินค้า การเล่าเรื่องราวของแบรนด์ ไปจนถึงการสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ทำให้ลูกค้ารู้สึกไว้วางใจที่จะซื้อสินค้าด้วย นอกจากนี้ SA ยังต้องมีความสามารถในการจัดการสถานการณ์เฉพาะหน้า เช่น การตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ในทันที หรือการรับมือกับคำร้องขอพิเศษ เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับการดูแลในระดับสูงสุด ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าส่วนใหญ่ล้วนคาดหวังจากแบรนด์ระดับโลก

มีความละเอียดอ่อนและใส่ใจในรายละเอียด

ไม่ว่าจะเป็นการจดจำความชอบของลูกค้า การจัดวางสินค้า หรือการให้บริการอย่างใส่ใจ ทุกรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ล้วนมีผลต่อความประทับใจของลูกค้าทั้งสิ้น ซึ่งการทำสิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ในระยะยาวอีกด้วย

สำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของสินค้าแบรนด์เนมและกำลังมองหาช่องทางในการขายต่อสินค้าเหล่านั้น BRANDNAME VOYAGE ยินดีเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยดูแลสินค้าของคุณ เรามีทีม SA ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการรับซื้อแบรนด์เนม ด้วยมาตรฐานสูงสุดและราคายุติธรรม เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าสินค้าของคุณจะได้รับการตรวจสอบและประเมินอย่างมืออาชีพ สามารถเข้ามาที่หน้าร้าน ได้แก่ เซ็นทรัลพระราม 9, ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และเชียงใหม่ (รับซื้ออย่างเดียว) หรือสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการฝากขายสินค้าเพิ่มเติมได้ที่

ข้อมูลอ้างอิง

  1. รู้จักกับ sale associate คืออะไร. สืบค้นเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 จาก https://www.trueplookpanya.com/knowledge/content/86234/-blog-blo-.
Posted on Leave a comment

เทคนิคขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง ทำกำไรในตลาด Luxury Resale

เคล็ดลับการเตรียมกระเป๋าแบรนด์เนมก่อนนำไปขาย

เนื่องจากกระเป๋าถือแบรนด์เนมไม่ได้เป็นแค่เครื่องประดับที่บ่งบอกถึงรสนิยมของผู้ถือเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาด ซึ่งถ้าเลือกซื้อและดูแลรักษาอย่างถูกต้อง กระเป๋าบางรุ่นอาจสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้น หากคุณกำลังมองหาวิธีขายกระเป๋าแบรนด์เนมให้ได้ราคาดี เราพร้อมมาแบ่งปันเคล็ดลับสำคัญที่ต้องรู้

เทคนิคการเตรียมกระเป๋าแบรนด์เนมก่อนนำไปขาย

1. เลือกกระเป๋าที่เหมาะจะเป็นดาวเด่นในตลาด

ไม่ใช่กระเป๋าทุกใบที่เป็นตัวท็อปในตลาดมือสอง ดังนั้น ถ้าคุณกำลังคิดจะใช้เสร็จ แล้วไปขายกระเป๋าแบรนด์เนม ก็ลองศึกษาตลาดก่อนว่าแบรนด์และรุ่นใดกำลังมาแรง ตัวอย่างเช่น Hermès Birkin และ Chanel Classic Flap เป็นไอเทมที่คงความนิยมมาหลายปี เพราะเป็นกระเป๋าไอคอนิกที่มีดีมานด์สูงในตลาดเสมอ หรือกระเป๋าที่กำลังมาแรงในกลุ่มแฟชั่นนิสต้าอย่าง Goyard Artois PM กระเป๋าโท้ตที่ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันและมีดีไซน์ที่โดดเด่นตามแบบฉบับของ Goyard ก็น่าสนใจเช่นกัน

นอกจากแบรนด์และรุ่นแล้ว สีและวัสดุของกระเป๋าก็สำคัญ สีคลาสสิกอย่างดำ ขาว หรือเบจ ก็เป็นที่ต้องการมากกว่าสีแฟชั่น และถ้าวัสดุเป็นหนังแท้ที่มีความทนทาน เช่น หนัง Epsom หรือหนัง Caviar ราคาก็จะยิ่งสูงตาม

2. รักษาสภาพกระเป๋าให้เป๊ะปัง เหมือนเพิ่งแกะกล่อง

ในโลกของการขายกระเป๋าแบรนด์เนม “สภาพ” คือทุกอย่าง ยิ่งกระเป๋าของคุณดูเหมือนใหม่เท่าไรราคาขายก็ยิ่งสูงเท่านั้น ดังนั้น การเตรียมกระเป๋าแบรนด์เนมก่อนนำไปขายจึงควรเก็บกระเป๋าในถุงผ้าหรือ Dust Bag เสมอ หลีกเลี่ยงการเก็บในที่ที่มีความชื้นหรือแสงแดดที่แรงเกินไป

นอกจากนั้น ถ้ากระเป๋าเกิดรอยขีดข่วน หรือมีคราบสกปรก อย่าพยายามทำความสะอาดเองโดยไม่มีความรู้ ควรส่งให้ผู้เชี่ยวชาญดูแล เพราะการทำความสะอาดผิดวิธีอาจทำให้กระเป๋าเสียหายถาวร

3. อุปกรณ์ครบ คือหัวใจสำคัญ

เวลาซื้อกระเป๋าใหม่ เรามักจะได้ทั้งกล่อง ใบเสร็จ ถุงผ้า การ์ดรับประกัน หรือแม้แต่สายสะพายเสริม ซึ่งทั้งหมดนี้คือ “ความครบ” ที่คนซื้อกระเป๋ามือสองให้ความสำคัญอย่างมาก และการมีอุปกรณ์ครบไม่ได้แค่เพิ่มมูลค่าให้กระเป๋า แต่ยังสร้างความมั่นใจให้ผู้ซื้อว่าเป็นของแท้ หากคุณเก็บอุปกรณ์เหล่านี้ไว้ครบถ้วน คุณก็สามารถตั้งราคาขายกระเป๋าแบรนด์เนมได้สูงกว่ากระเป๋าที่ไม่มีอุปกรณ์เสริม

4. ภาพสวยดึงดูดใจ ขายได้ก่อนใคร

ในยุคที่ทุกอย่างขายผ่านออนไลน์ ภาพถ่ายกระเป๋าคือ “ตัวแทน” ของสินค้าของคุณ การถ่ายภาพให้สวย ชัดเจน และดึงดูดใจ จึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการเตรียมกระเป๋าแบรนด์เนมก่อนนำไปขาย โดยควรถ่ายภาพในแสงธรรมชาติ พื้นหลังเรียบง่าย และมุมกล้องที่แสดงให้เห็นทั้งตัวกระเป๋า โลโก้ รอยเย็บ และจุดเด่นต่าง ๆ ถ้ามีกล่องหรืออุปกรณ์เสริมก็ควรถ่ายรวมไว้ด้วย เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ซื้อ

5. ตั้งราคาให้เป๊ะ ไม่สูงไป ไม่ต่ำไป

การตั้งราคาขายกระเป๋าแบรนด์เนมคือศิลปะ โดยต้องสำรวจราคาตลาดจากหลายแหล่ง ทั้งเว็บไซต์ Resale ระดับโลกอย่าง Vestiaire Collective, The RealReal และกลุ่มซื้อขายในไทย พิจารณาจากสภาพกระเป๋า ความครบของอุปกรณ์ และความต้องการของตลาด ณ ขณะนั้น ราคาที่เหมาะสมควรต่ำกว่าราคาป้ายปัจจุบัน 20-30% สำหรับของใหม่ และ 30-50% สำหรับของมือสอง ยกเว้นรุ่นที่หายากหรือเลิกผลิตแล้ว อาจตั้งราคาได้สูงกว่าราคาป้าย

การเตรียมกระเป๋าแบรนด์เนมก่อนนำไปขายด้วยการถ่ายภาพให้สวย

6. สร้างความน่าเชื่อถือให้ตัวเอง

ในตลาดซื้อขายกระเป๋าแบรนด์เนม การเชื่อมั่นในตัวผู้ขายเป็นสิ่งสำคัญมาก ดังนั้น แนะนำให้สร้างความน่าเชื่อถือโดยการทำโปรไฟล์ขายที่ชัดเจน เช่น รีวิวจากลูกค้าก่อนหน้า รูปถ่ายคู่กับสินค้า หรือแม้แต่การรับรองสินค้าว่าเป็นของแท้

อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณเพิ่งเริ่มขาย ลองใช้บริการตรวจสอบสินค้าจากผู้เชี่ยวชาญ เช่น Entrupy หรือแบรนด์ที่ให้บริการตรวจสอบกระเป๋าโดยเฉพาะ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ผู้ซื้อ

7. เลือกจังหวะเวลาขายให้ดี

Timing ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญในการขายกระเป๋าแบรนด์เนม โดยช่วงที่ขายดีมักเป็นเทศกาลสำคัญ เช่น ตรุษจีน วาเลนไทน์ คริสมาสต์ หรือปีใหม่ นอกจากนั้นควรดูกระแสแฟชั่นด้วย เช่น ถ้าแบรนด์กำลังจะขึ้นราคา หรือมีข่าวว่าจะยกเลิกการผลิตรุ่นไหน นั่นคือจังหวะทองในการขาย

สำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนกระเป๋าแบรนด์เนมที่มีให้กลายเป็นเงินก้อน ที่ BRANDNAME VOYAGE พร้อมให้บริการรับฝากขายแบรนด์เนมทุกประเภท ด้วยความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบสินค้าและการบริการที่โปร่งใส เรามั่นใจว่าจะช่วยเปลี่ยนกระเป๋าของคุณให้กลายเป็นมูลค่าที่คุ้มค่าในตลาดสินค้ามือสอง สามารถเข้ามาที่หน้าร้าน ได้แก่ เซ็นทรัลพระราม 9, ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และเชียงใหม่ (รับซื้ออย่างเดียว) หรือสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการฝากขายสินค้าเพิ่มเติมได้ที่

ข้อมูลอ้างอิง

  1. How (And Where) To Sell Your Second-Hand Luxury Bags Online. สืบค้นเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 จาก https://www.vogue.co.uk/article/how-where-to-sell-designer-bags
Posted on Leave a comment

โอกาสทอง หรือ เสี่ยง ส่องความจริงของ “กระเป๋าราคาตก”

กระเป๋าราคาตกเป็นโอกาสทองหรือความเสี่ยง

รู้หรือไม่ กระเป๋าราคาตกก็มีโอกาสเกิดกับแบรนด์เนมบางรุ่นได้ ทำให้บางคนมองว่าเป็นโอกาสทองในการซื้อ แต่สำหรับนักสะสมที่ห่วงเรื่องคุณค่าและการทำกำไรจากกระเป๋า อาจกลับมองว่าเป็นความเสี่ยงที่ต้องระวัง เพราะการตัดสินใจผิดพลาดอาจทำให้เสียใจในภายหลังได้ บทความนี้จึงอยากพาไปเจาะลึกกันว่า หาก “กระเป๋าราคาตก” ในตอนนี้ จะถือเป็นโอกาสดีหรือจะกลายเป็นความเสี่ยงสำหรับนักสะสมแทน

กระเป๋าราคาตกถือเป็นโอกาสทองในการลงทุน

ความเสี่ยงจากการซื้อกระเป๋าที่ราคาตก

ความเสี่ยงจากการซื้อกระเป๋าที่ราคาตก

หนึ่งในความเสี่ยงหลักจากการซื้อกระเป๋าที่ราคาตกคือ คุณภาพของสินค้าที่อาจไม่คุ้มค่า บางครั้งราคาที่ลดลงอาจสะท้อนถึงคุณภาพของวัสดุที่ลดลง เช่น การใช้หนังคุณภาพต่ำหรือการเย็บที่ไม่เรียบร้อย บางกระเป๋าที่ราคาตกยังอาจสูญเสียมูลค่าในตลาด เพราะความไม่เป็นที่นิยมของรุ่นนั้นเมื่อเวลาผ่านไป การตัดสินใจซื้ออาจทำให้เกิดความเสี่ยงในระยะยาวเมื่อราคากลับมาฟื้นตัวในอนาคต

นอกจากนี้ การตกเป็นเหยื่อของสินค้าปลอมก็เป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่สำคัญ กระเป๋าราคาตกอาจเป็นสัญญาณว่ามีสินค้าเลียนแบบมากขึ้นในตลาด ซึ่งทำให้นักสะสมต้องระมัดระวังในการตรวจสอบแหล่งที่มาของสินค้าให้ดี ตรวจสอบความแท้ของกระเป๋าโดยการดูสัญลักษณ์และการรับประกันที่มาพร้อมกับกระเป๋า รวมถึงการซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น เพื่อป้องกันการได้สินค้าปลอมที่อาจมีปัญหาทางกฎหมายและการลงทุนในอนาคต

โอกาสทองสำหรับนักสะสม

โอกาสทองสำหรับนักสะสม

หลายคนอาจสงสัยว่าการซื้อ “กระเป๋าราคาตก” ถือเป็นโอกาสทองสำหรับนักสะสมหรือไม่ เพราะในมุมมองของงบประมาณการซื้อ ก็ถือได้ว่ามีราคาที่คุ้มค่ากว่าราคาตลาดในปัจจุบัน แถมยังมีโอกาสที่บางรุ่นแม้จะราคาตกอาจกลับมาได้รับความนิยมในอนาคตอีกด้วย

สรุป ! กระเป๋าราคาตกตอบโจทย์นักสะสมอย่างไร ?

  • การหาโปรโมชันดี ๆ ในการลงทุน : การลดราคาของกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองอาจทำให้บางรุ่นสามารถซื้อได้ในราคาที่คุ้มค่ากว่าราคาตลาดในปัจจุบัน เนื่องจากเมื่อราคาของกระเป๋ารุ่นหรูลดลง มักเป็นช่วงเวลาที่มีโปรโมชันพิเศษที่นักสะสมสามารถคว้าไว้ได้ในราคาที่ต่ำกว่าเดิม ความคุ้มค่าในราคานี้สามารถสร้างโอกาสในการเพิ่มมูลค่าของกระเป๋าในอนาคตเมื่อกระแสนิยมกลับมา
  • มูลค่าในระยะยาว : บางรุ่นที่กระเป๋าราคาตกอาจกลับมาได้รับความนิยมในอนาคต เนื่องจากกระแสนิยมที่เปลี่ยนไป การซื้อในช่วงราคาตกจึงอาจกลายเป็นการลงทุนที่ดีสำหรับนักสะสม เพราะมูลค่าของกระเป๋าเหล่านั้นอาจเพิ่มขึ้นเมื่อกระแสความนิยมกลับมาหรือมีการรีแบรนด์ใหม่ การซื้อในช่วงเวลาที่กระเป๋าราคาตกเป็นโอกาสในการลงทุนที่ฉลาดและคุ้มค่าในระยะยาว

การเลือกซื้อกระเป๋าราคาตกอย่างชาญฉลาด

การเลือกซื้อกระเป๋าราคาตกอย่างชาญฉลาด

วิธีเลือกซื้อกระเป๋าราคาตก ให้ได้มูลค่ารอเก็งกำไร

สำหรับนักสะสมกระเป๋าแบรนด์เนมมือใหม่ที่อยากคว้าโอกาสทอง ซื้อกระเป๋าช่วงราคาตกอย่างชาญฉลาด เพื่อนำไปเก็บสะสม หรือต่อยอดรอสร้างกำไรในอนาคต แต่ไม่รู้จะต้องเริ่มซื้ออย่างไรดีให้ปลอดภัย นี่คือ 2 แนวทางดี ๆ ที่ไม่ควรพลาด

  • วิธีการตรวจสอบความแท้ของกระเป๋า : ก่อนตัดสินใจซื้อกระเป๋าที่ราคาตก สิ่งสำคัญคือการตรวจสอบความแท้ของสินค้า การดูสัญลักษณ์และโลโก้ของแบรนด์ การรับประกันจากผู้ขาย และแหล่งที่มาของสินค้าเป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ กระเป๋าแบรนด์เนมที่แท้จริงจะมีรายละเอียดการทำงานที่แม่นยำและวัสดุคุณภาพสูงที่สังเกตได้ง่าย หากกระเป๋ามีการใช้วัสดุที่ดูไม่เป็นธรรมชาติหรือไม่สอดคล้องกับลักษณะเฉพาะของแบรนด์นั้น แสดงว่าอาจเป็นสินค้าปลอม
  • เปรียบเทียบราคาจากหลายแหล่ง : การเปรียบเทียบราคาจากหลายช่องทางก่อนตัดสินใจซื้อเป็นอีกวิธีที่สำคัญ การซื้อกระเป๋าราคาตกควรพิจารณาราคาจากหลายแหล่ง เช่น ร้านค้าออนไลน์ที่อาจมีโปรโมชันพิเศษ ร้านค้าสาขาที่มีการลดราคาต่อเนื่อง หรือแม้กระทั่งตลาดมือสองที่เชื่อถือได้ การเปรียบเทียบราคาจะช่วยให้มั่นใจว่า จะได้ข้อเสนอที่ดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุดสำหรับการลงทุนในกระเป๋านั้น

BRANDNAME VOYAGE แหล่งขายและรับซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองหลายรุ่น การันตีถึงราคาตกก็ยังได้ราคาดี พร้อมประเมินราคาอย่างยุติธรรม โดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ในวงการแบรนด์เนมมาอย่างยาวนาน ติดต่อผ่านเว็บไซต์ หรือเข้ามาที่หน้าร้านทั้ง 2 สาขาหลักของเรา ได้แก่ เซ็นทรัลพระราม 9, ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และเชียงใหม่ (รับซื้ออย่างเดียว) หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Get Your Bag: These Are the Handbags With the Highest Resale Values. สืบค้นเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 จาก https://www.vogue.com/article/bags-with-the-best-resale-value
Posted on Leave a comment

9 เคล็ดลับ เก็บรองเท้าแบรนด์เนมอย่างไรให้คุ้มค่าการลงทุน

9 วิธีเก็บรองเท้าแบรนด์เนมอย่างไรเพื่อยืดอายุการใช้งาน

นักสะสมรองเท้าแบรนด์เนมคงรู้ดีว่า แต่ละคู่นั้นมาพร้อมกับรายละเอียดอันประณีตเพียงใด ไม่ว่าจะเป็นวัสดุระดับพรีเมียม การออกแบบสุดคลาสสิกที่ไม่มีวันตกยุค หรือแม้แต่ความใส่ใจในกระบวนการผลิต ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนช่วยยกระดับรองเท้าจากเครื่องแต่งกายธรรมดาให้กลายมาเป็นชิ้นงานที่มีคุณค่าและเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกว่าทำไมหลายคนจึงอยากดูแลรักษารองเท้าให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์อยู่เสมอ มาดูกันว่าจะเก็บรองเท้าแบรนด์เนมอย่างไรให้รองเท้าคู่โปรดของคุณยังคงความงดงาม หรูหรา และทรงคุณค่าดั่งวันแรกที่ได้มาครอบครอง !

คอลเลกชันรองเท้าหรูในร้านฝากขายแบรนด์เนมมือสอง

เทคนิคเก็บรองเท้าแบรนด์เนมอย่างไรให้สภาพดีเหมือนใหม่อยู่เสมอ

การทำความสะอาดรองเท้าก่อนเก็บทุกครั้ง เพื่อรักษาสภาพรองเท้าให้ใหม่

1. ทำความสะอาดรองเท้าก่อนเก็บทุกครั้ง

การทำความสะอาดรองเท้าก่อนจัดเก็บถือเป็นขั้นตอนพื้นฐานที่สำคัญที่สุด เพื่อป้องกันการสะสมของคราบสกปรกที่อาจฝังแน่นและทำความสะอาดยากในภายหลัง โดยวัสดุแต่ละประเภทจะต้องการการดูแลที่แตกต่างกันไป สำหรับรองเท้าหนังแท้ ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับหนัง แล้วใช้แปรงขนนุ่มเช็ดทำความสะอาดเบา ๆ ส่วนรองเท้าผ้าแคนวาส สามารถใช้น้ำสบู่อ่อน ๆ และแปรงขนนุ่มขัดเบา ๆ ได้ และต้องเช็ดให้แห้งสนิทด้วยผ้าสะอาดก่อนเก็บ

การใส่ตัวดันทรงรองเท้า เพื่อช่วยรักษาทรงรองเท้า

2. ใส่ตัวดันทรงรองเท้า (Shoe Trees) เพื่อช่วยรักษาทรง

ตัวดันทรงรองเท้า คืออุปกรณ์เสริมที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ที่มีคำถามว่าจะเก็บรองเท้าแบรนด์เนมอย่างไรให้สภาพดีเหมือนใหม่อยู่เสมอ โดยเฉพาะรองเท้าหนังที่มีราคาสูง เพราะอุปกรณ์นี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานและรักษาความสวยงามของรูปทรงรองเท้าเอาไว้ได้อย่างยาวนาน นอกจากนี้ ตัวดันทรงที่ทำจากไม้ซีดาร์ยังมีคุณสมบัติในการดูดซับตวามชื้นและกลิ่นอับได้อย่างดีเยี่ยมอีกด้วย

การเก็บกระเป๋าในถุงผ้า ช่วยป้องกันฝุ่นและรอยขีดข่วน

3. เก็บในถุงผ้า (Dust Bags) เพื่อช่วยป้องกันฝุ่นละอองและรอยขีดข่วน

ถุงผ้ากันฝุ่นที่มาพร้อมกับรองเท้าแบรนด์เนมไม่ได้มีไว้เพื่อความสวยงามและความหรูหราเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ในการป้องกันฝุ่นละอองและรอยขีดข่วนที่อาจเกิดจากการเสียดสีระหว่างรองเท้าคู่อื่น ๆ ด้วย ดังนั้น หากถามว่าจะเก็บรองเท้าแบรนด์เนมอย่างไรให้ยืดอายุการใช้งาน แนะนำว่าให้เก็บในถุงผ้าที่ได้มาจากแบรนด์ เพราะจะช่วยให้รองเท้าได้รับการระบายอากาศที่ดี รวมถึงป้องกันการเกิดเชื้อราและกลิ่นอับ

ไม่ควรเก็บกระเป๋าในกล่องพลาสติกที่ไม่มีช่องระบายอากาศ

4. หลีกเลี่ยงการเก็บในกล่องพลาสติกที่ไม่มีช่องระบายอากาศ

หลายคนอาจมองว่าการเก็บรองเท้าในกล่องพลาสติกดูเป็นวิธีที่สะดวก แต่รู้หรือไม่ว่าแท้จริงแล้วกลับเป็นอันตรายต่อรองเท้าแบรนด์เนม เนื่องจากกล่องพลาสติกมักไม่มีการระบายอากาศที่ดีพอ ทำให้เกิดความชื้นสะสมและนำไปสู่การเกิดเชื้อราได้ แต่หากจำเป็นต้องใช้กล่องในการจัดเก็บ ควรเลือกที่มีช่องระบายอากาศ หรือกล่องกระดาษของแบรนด์ที่มาพร้อมกับรองเท้าแทน

ควรจัดเก็บกระเป๋าในที่อุณหภูมิพอเหมาะ และหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรง

5. จัดเก็บในที่อุณหภูมิพอเหมาะ และหลีกเลี่ยงการวางในบริเวณที่โดนแสงแดดโดยตรง

นอกจากรูปแบบการจัดเก็บแล้ว สภาพแวดล้อมก็มีผลต่ออายุการใช้งานของรองเท้าแบรนด์เนมไม่น้อยเช่นกัน โดยควรเก็บรองเท้าในที่ที่มีอุณหภูมิคงที่ ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป และหลีกเลี่ยงการวางในบริเวณที่โดนแสงแดดโดยตรง เพราะความร้อนและรังสี UV อาจทำให้วัสดุเสื่อมสภาพ สีซีดจาง หรือหนังแตกได้

ลูกค้ารับคำแนะนำจาก SA ว่าควรเก็บรองเท้าแบรนด์เนมอย่างไรให้เหมาะสม

การดูแลรองเท้าที่เหมาะสมจะแตกต่างกันไปตามฤดูกาล

6. ดูแลรองเท้าตามฤดูกล โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนหรือฤดูหนาวที่มีความชื้นสูง

ปกติแล้ว วิธีการดูแลรองเท้าที่เหมาะสมจะแตกต่างกันไปตามฤดูกาล อย่างในช่วงฤดูฝนหรือฤดูหนาว ควรเช็ดรองเท้าให้แห้งสนิทก่อนจัดเก็บเสมอ และอาจใช้เครื่องดูดความชิ้นในตู้เก็บรองเท้า เพราะฤดูเหล่านี้จะมีความชื้นสูงเป็นพิเศษ ส่วนในฤดูร้อนก็ควรระวังไม่ให้รองเท้าโดนแสงแดดโดยตรงเป็นเวลานาน

การใช้ผลิตภัณฑ์เคลือบกันน้ำและกันคราบเพื่อดูแลรักษาสภาพรองเท้า

7. ใช้ผลิตภัณฑ์เคลือบกันน้ำและกันคราบ

ผลิตภัณฑ์เคลือบกันน้ำและกันคราบ เป็นอีกหนึ่งไอเทมสำคัญที่คนรักรองเท้าแบรนด์เนมต้องมี โดยเฉพาะรองเท้าที่ทำจากวัสดุที่ดูแลรักษายาก เช่น หนังกลับ หรือผ้าแคนวาส แต่ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับวัสดุแต่ละประเภท และทำการเคลือบซ้ำตามระยะเวลาที่เหมาะสม สำหรับรองเท้าที่ใช้งานเป็นประจำ คือ ทุก 3-4 เดือน ส่วนรองเท้าที่ใช้งานนาน ๆ ครั้ง สามารถเคลือบทุก 6 เดือนได้

การติดตั้งชั้นวางรองเท้าที่เหมาะสม ช่วยยืดอายุการใช้งานของรองเท้าได้

8. ติดตั้งชั้นวางรองเท้าที่เหมาะสม มีขนาดพอดีกับรองเท้า

การติดตั้งชั้นวางรองเท้าที่เหมาะสม ไม่เพียงแต่ช่วยให้การจัดวางดูเป็นระเบียบเท่านั้น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของรองเท้าได้ด้วย โดยควรเลือกชั้นวางที่มีขนาดพอดีกับรองเท้า มีระยะห่างระหว่างชั้นที่เหมาะสม และมีการระบายอากาศที่ดี นอกจากนี้ ควรเว้นระยะห่างระหว่างคู่ด้วยเพื่อป้องกันการเสียดสีจนอาจทำให้เกิดรอย

การตรวจสอบรองเท้าเป็นประจำ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

<H3>9. ตรวจสอบรองเท้าเป็นประจำ เพื่อให้สามารถจัดการปัญหาได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ</H3>
น่าจะเข้าใจกันไปประมาณหนึ่งแล้วว่าจะเก็บรองเท้าแบรนด์เนมอย่างไรให้ปลอดภัย และมีรูปทรงสวยเหมือนใหม่อยู่เสมอ แต่อย่าลืมว่าวิธีที่ดีที่สุดคือ การหมั่นตรวจสอบสภาพรองเท้าเป็นประจำ ทั้งการสังเกตการเปลี่ยนแปลงของวัสดุ รอยแตก หรือการเสื่อมสภาพต่าง ๆ เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้อย่างทันท่วงที ทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและรักษามูลค่าของรองเท้าในระยะยาวด้วย

สำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนรองเท้าแบรนด์เนมที่มีอยู่ให้กลายเป็นโอกาสทางการลงทุน BRANDNAME VOYAGE พร้อมให้บริการรับซื้อและฝากขายแบรนด์เนมทุกประเภท ด้วยความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบสินค้าและการบริการที่โปร่งใส เรามั่นใจว่าจะช่วยคุณเปลี่ยนรองเท้าคู่โปรดให้กลายเป็นมูลค่าที่คุ้มค่าในตลาดสินค้ามือสอง สามารถเข้ามาที่หน้าร้าน ได้แก่ เซ็นทรัลพระราม 9, ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และเชียงใหม่ (รับซื้ออย่างเดียว) หรือสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการฝากขายสินค้าเพิ่มเติมได้ที่
LINE: @voyagepurchase
Tel: 095-505-2229 (สำหรับผู้ที่สนใจฝากขายสินค้า)

ข้อมูลอ้างอิง

  1. เคล็ดลับ 5 ข้อในการดูแลรักษา. สืบค้นเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 จาก https://www.chanel.com/th/fashion/care-instructions/shoes/.
Posted on Leave a comment

รู้จัก Louis Vuitton Speedy กระเป๋าในตำนานที่ต้องมี

Louis Vuitton Speedy ความคลาสสิกที่ไม่มีวันตกยุค กับหลายเรื่องน่ารู้

ถ้าพูดถึงกระเป๋า Louis Vuitton ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “ไอคอนิกตลอดกาล” คงไม่มีชื่อไหนที่โดดเด่นไปกว่า Louis Vuitton Speedy กระเป๋าที่ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความสง่างามเหนือกาลเวลา แต่ยังเป็นชิ้นงานศิลปะที่จับต้องได้ ทั้งในเชิงแฟชั่นและงานฝีมือที่ประณีต Speedy ถือเป็นหนึ่งในกระเป๋าที่สาวก Louis Vuitton ทั่วโลกหลงรัก และหากคุณกำลังมองหา “คู่มือฉบับสมบูรณ์” ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจ Louis Vuitton Speedy ในทุกมิติ ตั้งแต่จุดกำเนิด ประเภท ขนาด จนถึงวิธีการดูแลรักษา บทความนี้พร้อมตอบโจทย์ทุกข้อสงสัยของคุณ

ผู้ใหญ่เดินช็อปปิง Louis Vuitton Speedy ในบรรยากาศร่มรื่น

จุดกำเนิดของ Louis Vuitton Speedy

ย้อนกลับไปในปี ค.ศ. 1930 ปฐมศักราชที่ Louis Vuitton สร้างสรรค์กระเป๋า Speedy ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยได้รับแรงบันดาลใจจากกระเป๋าเดินทาง Keepall อันเป็นตำนาน กอปรกับความเปลี่ยนแปลงของสังคมในยุคนั้น ที่ผู้คนเริ่มเดินทางด้วยความเร็วมากขึ้น จึงต้องการกระเป๋าที่ทั้งสะดวกและทันสมัย

แรกเริ่มเดิมที Louis Vuitton Speedy มีขนาดเดียวคือ 30 เซนติเมตร แต่เมื่อนักแสดงระดับตำนานอย่าง Audrey Hepburn ร้องขอให้แบรนด์ผลิตขนาดที่เล็กลง จึงเกิดเป็น Speedy 25 ที่กลายเป็นไอคอนิกพีซอีกใบของแบรนด์

นับจากนั้นมา Louis Vuitton Speedy ก็ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นหนึ่งในกระเป๋าที่ขายดีที่สุดตลอดกาลของ Louis Vuitton ด้วยความลงตัวของดีไซน์ที่ผสมผสานความคลาสสิกเข้ากับความร่วมสมัย ทำให้ Speedy กลายเป็นมากกว่ากระเป๋าใบหนึ่ง แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งสไตล์และความมีรสนิยม

ดีไซน์และวัสดุของ Louis Vuitton Speedy

กระเป๋า Louis Vuitton Speedy โดดเด่นด้วยความเรียบง่ายแต่หรูหรา โดยมาพร้อมกับรายละเอียดที่สะท้อนถึงงานฝีมืออันประณีตของ Louis Vuitton เราสามารถแบ่งจุดเด่นของ Speedy ออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ วัสดุ ขนาด และฟังก์ชัน

วัสดุ (Materials)

Louis Vuitton Speedy โดดเด่นด้วยการใช้วัสดุคุณภาพเยี่ยม โดยเฉพาะ Monogram Canvas ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ผลิตจากผ้าแคนวาสเคลือบที่ทนทานต่อน้ำและรอยขีดข่วน หูจับรวมถึงขอบกระเป๋าทำจากหนัง Vachetta ที่จะเปลี่ยนเป็นสีแทนสวยงามตามกาลเวลา อีกทั้งยังมีซิปทองเหลืองคุณภาพสูงที่ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษ

ขนาด (Sizes)

Louis Vuitton Speedy มีให้เลือกถึง 4 ขนาด ได้แก่ Speedy 25, 30, 35 และ 40 โดยตัวเลขบ่งบอกถึงความกว้างของกระเป๋าเป็นเซนติเมตร

  • Speedy 25 เหมาะสำหรับลุคกะทัดรัด สไตล์สาวเปรี้ยว เหมาะกับสาวตัวเล็กหรือผู้ที่ชอบกระเป๋าไซซ์มินิ
  • Speedy 30 เป็นขนาดยอดนิยมที่เหมาะกับการใช้งานประจำวัน สามารถใส่ของได้พอดี ไม่ใหญ่หรือเล็กจนเกินไป
  • Speedy 35 และ 40 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บมากขึ้น เช่น ใช้เป็นกระเป๋าเดินทางระยะสั้น หรือใส่เอกสารและแล็ปท็อป

ฟังก์ชัน (Functionality)

ด้วยดีไซน์ทรงโบสถ์ (Boston Shape) อันเป็นเอกลักษณ์ Louis Vuitton Speedy จึงมีพื้นที่กระเป๋ากว้างขวาง ภายในบุด้วยผ้าแคนวาสสีน้ำตาล มีช่องซิปด้านใน และพื้นที่เปิดโล่งสำหรับจัดระเบียบสัมภาระ การล็อกกระเป๋าด้วยกุญแจเพิ่มความปลอดภัยให้กับสิ่งของมีค่า โครงสร้างของกระเป๋าออกแบบมาให้สามารถวางตั้งได้อย่างมั่นคง แม้จะบรรจุของเต็ม ทำให้สะดวกในการหยิบจับสิ่งของ

Louis Vuitton Speedy มีกี่รุ่น ?

Louis Vuitton Speedy มีกี่รุ่น ? คำตอบคือมีหลากหลายรุ่นที่แตกต่างกันไปตามดีไซน์และวัสดุที่ใช้ ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีเสน่ห์เฉพาะตัว

กระเป๋า Louis Vuitton Speedy Monogram Canvas สุดคลาสสิก

Speedy Monogram Canvas

เป็นรุ่นแรกที่เปิดตัวและยังคงได้รับความนิยมสูงสุดจนถึงปัจจุบัน ด้วยลายโมโนแกรมอันเป็นเอกลักษณ์ของ Louis Vuitton ผสมผสานระหว่างลวดลายดอกไม้และอักษร LV อย่างลงตัว วัสดุผ้าแคนวาสที่ใช้มีความทนทาน น้ำหนักเบา และกันน้ำได้ดี จุดเด่นของรุ่นนี้คือการใช้หนัง Vachetta บริสุทธิ์ในการตกแต่งส่วนของหูจับและขอบกระเป๋า โดยจะเปลี่ยนสีเป็น Patina สีน้ำผึ้งเมื่อใช้งานไปเรื่อย ๆ เพิ่มเสน่ห์ในสไตล์วินเทจ

Louis Vuitton Speedy Damier Ebene และ Damier Azur กับลวดลายอมตะ

Speedy Damier Ebene และ Damier Azur

ทางเลือกสำหรับผู้ที่ชื่นชอบลายตารางหมากรุก โดย Damier Ebene มาในโทนน้ำตาลเข้ม เหมาะกับการใช้งานประจำวันเพราะดูแลรักษาง่าย ขณะที่ Damier Azur โดดเด่นด้วยโทนขาว-เทา ให้ลุคที่สดใสเหมาะกับฤดูร้อน โดยรวมแล้วทั้งสองรุ่นให้ลุคที่เรียบหรูและใช้งานง่ายกว่า Monogram Canvas

กระเป๋า Louis Vuitton Speedy Epi Leather สีดำสุดฮิต

Speedy Epi Leather

สำหรับสาวที่ชอบความคลาสสิกแบบมินิมอล Speedy Epi Leather ผลิตจากหนังวัวคุณภาพสูงที่มีลายนูนเป็นเอกลักษณ์ มีให้เลือกหลากสี ตั้งแต่สีดำไปจนถึงสีสดใส วัสดุหนัง Epi มีความทนทานสูง ทนน้ำและรอยขีดข่วนได้ดี

กระเป๋า Louis Vuitton Speedy Bandoulière ใช้งานสะดวก

Speedy Bandoulière

นวัตกรรมล่าสุดของ Louis Vuitton Speedy ที่เพิ่มสายสะพายถอดได้ เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน สามารถสะพายข้างหรือสะพายไขว้ได้ มีให้เลือกทั้งในวัสดุ Monogram Canvas, Damier และ Epi Leather สายสะพายปรับระดับได้ ทำให้เหมาะกับทุกรูปร่างและความสูง เป็นรุ่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความคล่องตัวมากขึ้น

กระเป๋า Louis Vuitton Speedy รุ่นหายาก

Speedy รุ่นลิมิเต็ดเอดิชัน (Limited Edition)

Speedy Limited Edition เป็นกระเป๋าที่แฟชั่นนิสต้าตัวจริงต้องมีไว้ในครอบครอง เพราะรุ่นนี้มักจะมาพร้อมดีไซน์พิเศษที่เกิดจากการร่วมงานกับศิลปินหรือดีไซเนอร์ชื่อดัง เช่น

  • Speedy Stephen Sprouse: ลายกราฟิกตัวอักษรสุดเปรี้ยว
  • Speedy Takashi Murakami: ลาย Monogram Multicolor สีสันสดใสที่สร้างความประทับใจในช่วงยุค 2000
  • Speedy Jeff Koons: คอลเล็กชันที่รวมภาพวาดคลาสสิกมาอยู่บนกระเป๋า

กระเป๋า Louis Vuitton Speedy ในคอลเลกชันลิมิเต็ดเอดิชันมักจะผลิตในจำนวนจำกัด และเมื่อเวลาผ่านไปก็กลายเป็นไอเทมหายากที่นักสะสมทั่วโลกแย่งกันจับจอง

การเก็บรักษากระเป๋า Louis Vuitton Speedy

การดูแลรักษา Louis Vuitton Speedy ให้อยู่คู่คุณไปนาน ๆ

การดูแล Louis Vuitton Speedy ให้สวยงามอยู่เสมอไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องใส่ใจในรายละเอียด เริ่มจากการหลีกเลี่ยงความชื้น โดยเฉพาะกับหนัง Vachetta ที่อ่อนไหวต่อความชื้น เพราะอาจทำให้เกิดรอยด่างและเชื้อราได้ ควรเก็บกระเป๋าในถุงผ้าที่มาพร้อมกับกระเป๋าเสมอเมื่อไม่ได้ใช้งาน เพื่อป้องกันฝุ่นและรอยขีดข่วน และควรวางในที่แห้ง อากาศถ่ายเทได้ดี

การใส่ของในกระเป๋าควรระวังไม่ให้หนักเกินไป เพราะมีโอกาสทำให้รูปทรงเสียหาย โดยเฉพาะบริเวณก้นกระเป๋าและหูจับ สำหรับการทำความสะอาด ควรใช้ผ้านุ่ม ๆ เช็ดเบา ๆ หากมีคราบสกปรก สามารถใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดที่ผ้าแคนวาส แต่ต้องระวังไม่ให้โดนส่วนที่เป็นหนัง และควรเช็ดให้แห้งทันที

สำหรับหนัง Vachetta ที่เป็นหูจับและขอบกระเป๋า การเปลี่ยนสีเป็นสีแทนตามธรรมชาติถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของกระเป๋า Louis Vuitton แต่หากต้องการชะลอการเกิดสีแทน ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเหงื่อและครีมบำรุงผิวต่างๆ

สำหรับใครที่มีกระเป๋า Louis Vuitton Speedy และอยากนำมาเปลี่ยนเป็นเงินสด ต้องที่ BRANDNAME VOYAGE ศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนสินค้าแบรนด์เนมทุกประเภท รับซื้อแบรนด์เนมมือสองจบในที่เดียว จดทะเบียนบริษัทอย่างถูกต้อง พร้อมให้บริการด้วยความจริงใจและเข้าใจที่สุด มีความเชี่ยวชาญในสินค้าแบรนด์เนมอันดับ 1 ในราคาที่เป็นธรรมสำหรับทุกท่านอย่างแท้จริง สามารถเข้ามาที่หน้าร้าน ได้แก่ เซ็นทรัลพระราม 9, ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต และเชียงใหม่ (รับซื้ออย่างเดียว) หรือสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับการฝากขายสินค้าเพิ่มเติมได้ที่

LINE: @brandnamevoyage
Tel: 095-916-7171 (สำหรับผู้ที่สนใจซื้อสินค้า)
LINE: @voyagepurchase
Tel: 095-505-2229 (สำหรับผู้ที่สนใจฝากขายสินค้า)

ข้อมูลอ้างอิง

  1. A Speedy History of Louis Vuitton’s Most Chameleonic It-Bag. สืบค้นเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 จาก https://www.vogue.com/article/louis-vuitton-speedy-bag